 |
Yuffie Kisaragi
ユフィ・キサラギ
เพศ :
หญิง
วันเกิด : 20
พฤศจิกายน [µ]-εγλ
1991
อายุ : 16 ปีในภาคหลัก
กรุ๊ปเลือด : A
สถานที่เกิด : Wutai
ส่วนสูง : 160
เซนติเมตร
อาวุธ : ชูริเคน
|
ยุฟฟี่ คิซารากิ เป็นลูกสาวของโกโด้เจ้าเมืองวูไท
เมืองใหญ่บนทวีปตะวันตกที่อดีตเคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร
จนกระทั่งชินระสำรวจพบแหล่งมาโคขนาดใหญ่ทางตะวันออกของวูไทจึงเจรจาของสร้างเตาปฏิกรณ์ที่นี่
แต่โกโด้ไม่ยอมยกพื้นที่ให้ จึงเกิดเป็นความบาดหมางและสงครามระหว่างวูไทกับชินระก็อุบัติขึ้น
การต่อสู้ยืดเยื้อมาหลายปี วูไทมีศาสตร์การต่อสู้ที่เป็นหนึ่งและมีกองทัพที่ได้รับพรจากเทพวารี
ทำให้สามารถรับมือชินระได้สูสี จนกระทั่งเซฟิรอธออกโรงนำโซลเยอร์เข้าถล่มวูไท
พ่วงด้วยปฏิบัติการของโซลเยอร์แซ็คที่เข้าตีป้อมแทมบลิน ป้อมสำคัญของวูไทแตกได้สำเร็จ
ทำให้สงครามจบลงด้วยชัยชนะของชินระ
หลังแพ้สงคราม เมืองวูไทย่ำแย่ลง
เปลี่ยนสถานะจากมหาอำนาจเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยว โกโด้หมดไฟที่จะทำอะไรแล้ว
แม้เขายังมีความสามารถในการต่อสู้ไม่แพ้ใครแต่เมื่อนึกถึงความล้มเหลงที่วูไทต้องเผชิญก็ทำให้เขาได้แต่นอนลืมวันลืมคืน
จนยุฟฟี่ขนานนามว่า
"ตาพ่อยอดแย่"
ตอนนี้ในวูไทเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกที่เกลียดชินระมารวมตัวกันอยู่มาก
อวาลันช์กลุ่มต่อต้านชินระจึงใช้ที่นี่เป็นฐานทัพใหญ่ ยุฟฟี่เองก็เกลียดชินระแต่ก็ไม่ชอบพวกอวาลันช์ที่เข้ามาวุ่นวายในเมือง
เธอคิดแค่หาทางบูรณะวูไทให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม
แล้ววันหนึ่งก็ได้พบกับเติร์กเข้า เธอได้ยินคำว่ามาทีเรียครั้งแรกจากเติร์กคนนี้
แล้วก็เกิดความคิดว่ามาทีเรียอาจช่วยให้ความฝันที่จะทำให้วูไทกลับมายิ่งใหญ่เป็นจริงขึ้นมา

อวาลันช์มีป้อมปราการที่หนาแน่น
การส่งกองทหารมาทำลายป้อมอาจทำให้เกิดความเสียหายมากเกินรับมือ
ชินระจึงส่งเติร์กคนนี้เข้ามาวางระเบิดฐานทัพของอวาลันช์ ทีแรกยุฟฟี่ได้ยินว่าเติร์กจะมากำจัดอวาลันช์
เธอจึงให้ความร่วมมือกับเติร์กเพื่อกำจัดพวกอวาลันช์ที่เธอเกลียด
"ชั้นจะทำให้วูไทกลับไปยิ่งใหญ่เหมือนอย่างเก่า
จะจัดการทั้งเจ้าพวกชินระ ทั้งเจ้าพวกบ้าๆพวกนั้นให้เละเลย!"
เติร์กตอบกลับมาสั้นๆว่า
"ชั้นช่วยเธอได้ครึ่งนึงนะ"
โดยไม่กล้าเปิดเผยว่าตัวเองนี่แหละคือพนักงานของชินระที่ทำให้วูไทอนาถาแบบนี้
แล้วภารกิจระเบิดทำลายรังใหญ่ของอวาลันช์ก็ลุล่วงลงด้วยดี
แต่หลังได้รู้ความจริงว่าเติร์กที่เธอเคยคิดว่าเป็นเพื่อนแท้จริงแล้วเป็นพนักงานของชินระ
แถมแรงระเบิดยังแทบจะทำให้วูไทพินาศซ้ำอีกรอบก็ทำให้ยุฟฟี่โกรธมาก
"ชั้นเกลียดเจ้าพวกนั้น
แต่ชั้นเกลียดชินระมากกว่า!!"
เติร์กยอมออกไปจากวูไทแต่โดยดีพร้อมทนแบกรับชื่อเสียของชินระต่อไป
ส่วนยุฟฟี่ก็ออกตามหาสมบัติมาบูรณะวูไทต่อไป
และสมบัติที่เธอสนใจมากที่สุดก็คือ มาทีเรีย
ยุฟฟี่ออกล่ามาทีเรียจนมาพบกับคลาวด์ สไตรฟ์ และพรรคพวก
เธอขอเดินทางพร้อมพวกคลาวด์โดยบอกว่า
"ชั้นรู้น่าว่าพวกนายอยากให้ชั้นช่วยเพราะชั้นเก่ง"
(พูดเองเออเอง)
แต่จริงๆที่เข้ามาอยู่ในทีมเพราะต้องการหาโอกาสชิงมาทีเรียต่างหาก
กลุ่มของคลาวด์ชื่ออวาลันช์
แต่ก็เป็นเพียงแค่ชื่อเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอวาลันช์เก่าที่เคยทำวูไทเละเทะพวกนั้น
พวกเขาต้องการเดินทางตามล่าเซฟิรอธ ระหว่างการเดินทางยุฟฟี่เสนอให้พวกอวาลันช์ออกเดินทางมาทางตะวันตกดู
แล้วพวกเขาก็มาถึงวูไทในที่สุด ยุฟฟี่ฉวยโอกาสขโมยมาทีเรียพวกคลาวด์หนีเข้าไปในวูไทซึ่งเธอวางกับดักไว้มากมาย
แต่เคราะห์ไม่ดีที่เธอถูกลูกน้องของดอนคอร์เนโอ
ตาแก่หื่นจับตัวไว้พร้อมเติร์กสาวเอเลน่า แต่พวกคลาวด์ก็ได้ร่วมมือกับเติร์กที่เดินทางมาจับตัวคอเนโอชิงตัวยุฟฟี่และเอเลน่ากลับมาได้สำเร็จ
ยุฟฟี่ขอโทษพวกคลาวด์และคืนมาทีเรียให้ เธอต้องการเดินทางตามอวาลันช์ต่อไปถึงพวกเขาจะไม่สนใจนักก็เถอะ
ไหนๆก็แวะกลับมาบ้านแล้วยุฟฟี่ได้แวะขึ้นไปทดสอบความสามารถของตนเองบนหอคอยห้าเทพอันเลื่องชื่อของวูไท
นักรบทั้งห้าที่เก่งกาจจะประจำอยู่แต่ละชั้น เพื่อทดสอบผู้มาท้าทาย
ยิ่งชั้นสูงยิ่งเก่ง
และหากเอาชนะนักรบที่อยู่ชั้นบนสุดได้จะได้สืบทอดตำแหน่งผู้คุ้มครองหอคอยนี้พร้อมรับมาทีเรียลิไวอาธันสำหรับใช้อัญเชิญเทพวารีซึ่งชาววูไทบูชา
ยุฟฟี่ที่ผ่านการต่อสู้มาจนเก่งกาจได้ผ่านการทดสอบขึ้นมาถึงชั้นบนสุดก็พบกับโกโด้
ทำเอายุฟฟี่ตกใจเพราะไม่คิดว่านักรบบนชั้นบนสุดจะเป็นพ่อของเธอเอง

นักรบอีกสี่คนที่พ่ายแพ้แก่ยุฟฟี่ไปแล้วได้ขึ้นมาเป็นสักขีพยานการต่อสู้ครั้งนี้
โกโด้บอกให้ยุฟฟี่ทุ่มความสามารถทั้งหมด เพราะเขาจะเอาจริง
ด้วยพลังการต่อสู้สุดยอดของเจ้าเมืองวูไททำให้น้อยคนที่จะเอาชนะเขาได้
การต่อสู้เป็นไปอย่างยาวนานจนทั้งคู่หมดแรงล้มลง โกโด้ยอมรับความสามารถของยุฟฟี่และมอบมาทีเรียลิไวอาธันให้แก่เธอ
หลังได้เห็นความสามารถของนักรบวูไทที่เก็บซ่อนอยู่แล้วยุฟฟี่โวยกับนักรบวูไทคนอื่นๆที่เก่งขนาดนี้แต่ดันมาหมกตัวอยู่ในหอพรรค์นี้
แถมด่าโกโด้ที่ทำให้วูไทกลายเป็นเมืองท่องเที่ยว ทำให้เทวรูปต้าเสาและลิไวอาธันต้องอับอาย
แต่โกโด้ก็ให้เหตุผลว่าความรุนแรงจะก่อให้เกิดแต่ความรุนแรง
และความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้มีไว้โอ้อวดใครแต่ควรเอาไว้ปกป้องวูไทมากกว่า
เขาเรียนรู้เรื่องนี้หลังแพ้การต่อสู้กับชินระ
และคิดว่าสิ่งที่จำเป็นต่อการบูรณะวูไทคือกำลังและความมุ่งมั่น ซึ่งพวกคลาวด์มีทั้งสองสิ่งอยู่เต็มเปี่ยม
เขาจึงขอให้พวกคลาวด์ช่วยพายุฟฟี่ออกเดินทางไปด้วย
(แต่จริงๆเพราะอยากให้ยุฟฟี่ขอมาทีเรียกลับมาหลังสิ้นสุดการเดินทางต่างหาก)
ยุฟฟี่ติดตามพวกคลาวด์ไปจนจบการต่อสู้
แต่เธอก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
รู้เพียงแต่ว่าพวกเขาต้องกำจัดเซฟิรอธเพื่อช่วยโลกจากเมเทโอที่จะตกลงมา
แล้วคลาวด์ก็สามารถจัดการเซฟิรอธได้สำเร็จ เมื่อการต่อสู้จบลงไปแล้วยุฟฟี่ก็คิดว่าจะขอมาทีเรียของพวกคลาวด์ไปช่วยวูไท
เพราะพวกคลาวด์คงไม่จำเป็นต้องใช้มาทีเรียแล้ว คลาวด์ปรึกษาเพื่อนๆอยู่พักหนึ่ง
ก่อนตัดสินใจยกมาทีเรียทั้งหมดให้ยุฟฟี่ แต่เขาจะขอเป็นคนเก็บมาทีเรียของยุฟฟี่ไว้กับตัวเอง
(หลอกเด็กชัดๆ) ถึงจะรู้สึกเหมือนโดนหลอกแต่ยุฟฟี่ก็เห็นด้วยกับคลาวด์ที่ว่ามาทีเรียอันตรายคงไม่จำเป็นกับโลกหลังจากนี้หรอก
ขอแค่มาทีเรียรักษาอันเดียวก็น่าจะดีพอแล้ว
แล้วเธอก็แยกย้ายจากเพื่อนๆกลับมาวูไทบ้านเกิด
เมื่อมาถึงวูไทแทนที่ยุฟฟี่จะได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรสตรี
แต่เมืองกลับเงียบเหงา โกโด้พายุฟฟี่ไปช่วยกันซ่อมแซมบ้านเรือน
เขาไม่สนว่ายุฟฟี่ผ่านอะไรมาบ้าง
เข้าใจแต่เพียงว่าโลกจะฉิบหายเพราะไอ้พวกชินระ
จักรวาลเลยส่งเมเทโอมาลงทัณฑ์ แต่ดวงดาวก็ปล่อยไลฟ์สตรีมออกมาป้องกันตัวเอง
(โห ยิ่งกว่ายุฟฟี่อีก) แถมยังบอกไม่ให้ยุฟฟี่ไปเล่าให้ใครฟังว่าตัวเองก็เกี่ยวข้องกับการต่อสู้นี้
เพราะไลฟ์สตรีมที่พัดขึ้นมาทำเอาบ้านเรือนเสียหายไปมาก ผู้คนคงไม่ค่อยแฮปปี้กับเรื่องนี้เท่าไหร่
โกโด้ปรับโรงฝึกเป็นสถานพยาบาล แล้วยุฟฟี่ก็ใช้มาทีเรียรักษาที่ติดมือมาคอยรักษาผู้คนที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์นั้น
วันรุ่งขึ้นมีคนติดโรคจีโอสติ๊กม่า ซึ่งเป็นโรคที่ระบาดอยู่ในมิดการ์
ทุกคนจึงคิดว่ายุฟฟี่นำโรคนี้มาและขังเธอไว้ในห้อง
แต่ยูริเด็กผู้ชายที่เป็นเพื่อนยุฟฟี่มาตั้งแต่เด็กก็ช่วยเธอหนีออกมา
คนที่ติดโรคนี้คือแม่ของเขาเอง ยุฟฟี่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของยูริเท่าไหร่
เธอข้องใจแต่เพียงว่าเธอไม่ใช่คนนำโรคนี้มาระบาดตามที่พวกผู้ใหญ่กล่าวหาแน่ๆ
"ต้องมีคนอื่นกลับจากมิดการ์ด้วยแน่ๆ
ต้องหาให้เจอแล้วแฉมัน!
ต้องให้ไอ้พวกนั้นที่มันมาโทษชั้นรู้ซะมั่งว่าใครเป็นใคร!"
แต่ยูริอยากให้ยุฟฟี่ช่วยหาวิธีรักษาโรคมากกว่าหาตัวคนผิด
ซึ่งยุฟฟี่ก็คิดว่านั่นก็เป็นวิธีกู้ชื่อเสียงของเธอได้เหมือนกัน
ทั้งสองออกเดินทางเพื่อตามหามาทีเรียสำหรับใช้รักษาโรคจีโอสติ๊กม่า
(ตอนนั้นพวกเขาเรียกว่า
"โรคมิดการ์")
ยูริเองถึงจะเก่งสู้ยุฟฟี่ไม่ได้แต่เขาก็ฝึกขว้างมีดจนชำนาญ
ไม่ได้เป็นเด็กอ่อนแอที่ยุฟฟี่เคยรู้จักในสมัยก่อน
ในตอนที่เข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งยูริพลาดถูกน้ำสีดำซึ่งปนเปื้อนไลฟ์สตรีมดำเข้าจนอาการไม่ดี
ยุฟฟี่ต้องพยุงยูริออกจากถ้ำเดินทางกลับวูไทมา "ตาบ้า
ชั้นดูแลแม่แทนนายไม่ไหวนะยะ!"
ระหว่างทางยุฟฟี่พบนานากิเข้า
เธอเคยเรียกสัตว์สี่เท้าที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมอวาลันช์ตัวนี้ว่าเร้ด
แต่นั่นเป็นชื่อที่คนอื่นตั้งให้ เขาอยากให้ยุฟฟี่เรียกเขาว่านานากิซึ่งเป็นชื่อจริงมากกว่า
นานากิอยู่ระหว่างเดินทางบันทึกโลก เลยคิดจะเริ่มจากวูไทที่อยู่ตะวันตกสุดก่อน
(ยุฟฟี่แย้งว่าวูไทเป็นศูนย์กลางโลกต่างหาก!)
ระหว่างที่คุยกันยูริเผลอหลุดปากบอกว่าเขาเคยเข้าไปในมิดการ์มา ทำให้ยุฟฟี่รู้แล้วว่าจริงๆคนที่เอาโรคนี้มาก็คือยูรินี่เอง
เธอโกรธมากจนถึงกับสบถออกมาว่า "ไอ้สารเลวววววว!!"
ยูริสารภาพว่าแม่เขาป่วยหนักเมื่อหลายเดือนก่อน
เขาเลยเข้าไปหาวิธีรักษาโรคในมิดการ์ แต่มาทีเรียรักษามีไว้สำหรับโซลเยอร์เท่านั้นไม่ได้มีไว้ขาย
เขาเลยเดินคอตกออกมา แล้วในมิดการ์ก็มีคนเป็นจีโอสติ๊กม่ามากมาย
เขาคงติดมาตอนนั้น ก่อนแพร่โรคไปยังแม่และเพื่อนคนอื่นๆ
นานากิพยายามใช้เหตุผลอธิบายว่าชาวเผ่าโบราณคงไม่รู้จักโรคนี้ มาทีเรียที่ตกผลึกจากภูมิปัญญาของเผ่าโบราณจึงไม่สามารถรักษามันได้
และถ้ารักษาได้จริงก็คงไม่มีคนติดโรคเยอะขนาดนี้
แต่นั่นเป็นคำที่ยุฟฟี่ไม่อยากฟัง
"ชั้นเกลียดนาย
นานากิ!"
"อะไรเล่า!"
เมื่อยุฟฟี่กลับมาวูไทก็พบว่าพวกเขาแยกคนป่วยออกมานอนที่กระท่อมด้านหน้าเมือง
เพื่อป้องกันการระบาด แต่จำนวนคนป่วยกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้พวกเขาเข้าใจว่านี่ไม่ใช่โรคติดต่อ โกโด้กล่าวขอโทษยุฟฟี่
แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจเรื่องกู้ชื่อเสียงตัวเองอะไรนั่นแล้ว
เธออยากรู้สาเหตุจริงๆของโรคนี้มากกว่า
จากข้อสังเกตของยูริทำให้สรุปได้ว่าน้ำสีดำอาจเป็นพาหะนำโรคนี้มา
และคนที่คิดว่าตนเองกำลังจะตายจะมีอาการโรคนี้แสดงได้ง่ายกว่าคนที่จิตใจยังเป็นปกติอยู่
ไม่นานแม่ของยูริก็เสียชีวิตลง
แต่ถึงอย่างนั้นยูริก็ได้สัญญากับยุฟฟี่ว่าเขาจะรักษารอยยิ้มของตนเองไว้ตลอดไป
ตอนนี้ยุฟฟี่แบกรับภาระอันหนักอึ้งที่จะต้องหาวิธีรักษาโรคนี้ไปพร้อมๆกับคอยพยาบาลผู้ป่วยในเมืองด้วย
เธอเปิดสอนศิลปะการป้องกันตัวให้ผู้คนในเมืองได้ออกกำลังและมีจิตใจเข้มแข็งไม่มัวแต่คิดถึงวันตาย
ผ่านไปหนึ่งปีการตามหามาทีเรียกรักษาจีโอสติ๊กม่าก็ยังไม่คืบหน้า
ยุฟฟี่ได้พบกับนานากิอีกครั้ง เขามากับซิด ไฮวินด์ อดีตเพื่อนอวาลันช์ที่สร้างเรือเหาะลำใหม่ได้สำเร็จ
ยุฟฟี่ถามซิดเรื่องมาทีเรียรักษาโรค ซึ่งซิดเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เท่าไหร่
แต่พอเห็นว่ายุฟฟี่เชื่อว่ามันต้องมีเขาก็บอกว่า
"งั้นมันก็ต้องมีนั่นแหละ!"
ซึ่งคำตอบส่งเดชนี้เป็นสิ่งที่ยุฟฟี่อยากได้ยิน ยุฟฟี่ออกเดินทางกับนานากิตามหามาทีเรียต่อไปแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลวอีกครั้ง
เธอไม่ชอบให้นานากิพูดว่ามันไม่มีทางรักษาเพราะทนคิดถึงความเจ็บปวดของผู้คนที่ทนทุกข์จากโรคนี้ไม่ได้
ยุฟฟี่เริ่มคิดถึงจิตใจคนอื่น
ในขณะที่นานากิเองก็ผ่านการเดินทางบันทึกโลกมามากจนมีบาดแผลเต็มตัว
ตอนนี้พวกเขาต่างเติบโตขึ้นผ่านความเจ็บปวดและพยายามดำเนินชีวิตในรูปแบบของตนเอง
"สู้เข้านะ นานากิ"
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด พวกคาดาจที่เป็นร่างแยกของเซฟิรอธได้ลักพาตัวเด็กที่ติดจีโอสติ๊กม่าไปจากวูไท
เพื่อใช้ในแผนการของเขา ยุฟฟี่เดินทางกลับมาที่มิดการ์พร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆและช่วยกันสู้กับพวกคาดาจจนชนะ
ในตอนนั้นดวงดาวก็ได้ตอบรับความหวังของผู้คนด้วยการส่งน้ำที่มีพลังบริสุทธิ์ของไลฟ์สตรีมขาว
ขึ้นมาบนโลก เกิดเป็นสายฝนชำระล้างจีโอสติ๊กม่าไปได้ส่วนหนึ่ง แล้ววูไทก็เริ่มกลับมามีบรรยากาศสดใสอีกครั้ง
ปัจจุบันยุฟฟี่ได้เป็นกำลังสำคัญของกองกำลังฟื้นฟูโลก
และออกสร้างเรื่องราวในแบบฉบับของตัวเองต่อไป...

Conceptual Design & Early
Materials
-
ในตอนแรกยุฟฟี่ถูกกำหนดเป็นนินจาหญิงวัย 25
ปีที่ออกตามล่าคลาวด์และเซฟิรอธ แต่ไปๆมาๆกลับมีค่าหัวซะเอง
โดยเราจะสามารถอ่านโปสเตอร์ประกาศจับยุฟฟี่ได้ตามที่ต่างๆ อายุ,
หน้าตา, ค่าหัว, ความสามารถและเลเวลของยุฟฟี่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆขึ้นกับโปสเตอร์แผ่นสุดท้ายที่เราอ่าน
สุดท้ายแบเร็ตกล่อมเธอว่าถ้ายอมมาเป็นพวกจะได้เจอกับเซฟิรอธที่มีค่าหัวก้อนมหึมายิ่งกว่าคลาวด์ด้วย
-
อีกพล็อตหนึ่งกำหนดให้ยุฟฟี่เป็นอดีตโซลเยอร์ด้วย
-
อาชีพของยุฟฟี่ที่ถูกกำหนดในตอนแรกคือ
Ninja (Assassin)
อาวุธที่ใช้คือมีด, บูมเมอแรง
และสารพัดกระดาษพับที่ใช้เป็นอาวุธซัด
(ก่อนเปลี่ยนเป็นชูริเคนภายหลัง)
-
ยุฟฟี่ที่ออกแบบมาตอนแรกจะใส่เสื้อสีแดง
ก่อนเปลี่ยนเป็นสีเขียวภายหลัง

เดิมทีออกแบบให้ยุฟฟี่สวมชุดสีแดง
-
ในตัวบทตอนแรกนั้นวูไทถูกชินระขึ้นภาษีโหด ยุฟฟี่จึงต้องการขโมยเงินจากพวกคลาวด์ไปฟื้นฟูเศรษฐกิจวูไท
และจะมีสปายของชินระชื่อเซร่าตั้งใจจะระเบิดภูเขาเทวรูปเพื่อสร้างเตาปฏิกรณ์ด้วย
แต่จะถูกพวกคลาวด์หยุดไว้เสียก่อน
-
ในตอนแรกกำหนดชื่อแม่ของยุฟฟี่ว่าคาซุมิ คิซารากิ
ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคตอนเธอยังเด็กมาก
แต่ในเนื้อเรื่องจริงไม่มีการกล่าวถึงเลย
-
นอกจากนี้ยังมีตัวละครชาววูไทอื่นๆที่ถูกตัดออกอีกมาก
ทั้งอิซาโยอิ (十六夜
/ วันขึ้น
16 ค่ำ ซึ่งใน FFIV After
จะมีจตุรบาลน้ำชื่อนี้เช่นกัน) สังฆราชหญิงของวูไท (ในตอนแรกกำหนดให้วูไทปกครองโดยผู้หญิงและมีเทพประจำเมืองเป็นเทพี)
ผู้ต่อต้านเทคโนโลยี โกโด้ได้ฝากยุฟฟี่ให้เธอเลี้ยงดูด้วย, ซาซาเมะ
เจ้าหญิงมิโกะ (รุ่นที่ 89) ด้วยวัยเพียง 15 ปี วูไทจึงให้อิซาโยอิเป็นผู้สำเร็จราชการแทน
เจ้าหญิงมีนิสัยเอาแต่ใจตนเองเพราะถูกเลี้ยงแบบสปอยล์มาตั้งแต่เด็ก
เธอเข้าใจว่าอิซาโยอิเอ็นดูยุฟฟี่มากกว่า จึงรู้สึกไม่พอใจ, และโกโด้ในตอนแรกเป็นเพียงหัวหน้าตระกูลคิซารากิ
ที่คอยรับใช้มิโกะทำงานสกปรก ปัจจุบันปฏิบัติภารกิจอยู่ต่างแดน
-
ใน
Advent Children
ถึงจะเปลี่ยนชุดไปแล้วแต่บนเสื้อยุฟฟี่ก็ยังมีลวดลายญี่ปุ่นสมฐานะนินจา
Trivia
-
คิซารากิ (如月)
คือเดือน 2
ตามปฏิทินจันทรคติ
-
ยุฟฟี่เรียกชื่อเราด้วยชื่อเล่นต่างๆขึ้นกับตัวละครนำเรื่องในตอนนั้น
คลาวด์
(เรียกคลาวด์), หน่มน้ม (เรียกทีฟา), ตาแก่ขี้หงุดหงิด (เรียกซิด)
-
หลังยุฟฟี่เอาชนะโกโด้แล้วตามกฎเธอจะต้องดูแลหอคอยห้าเทพต่อจากพ่อ
แต่เนื่องจากยุฟฟี่ออกเดินทางตามพวกคลาวด์ไป โกโด้จึงปกครองหอคอยต่อจนถึงปัจจุบัน
-
ยุฟฟี่เมายานพาหนะง่ายมาก ตั้งแต่ตอนขึ้นเรือที่จูน่อน,
อยู่บนไฮวินด์ และตอนลงจากเชร่าทั้งใน
AC
และ DC
ยุฟฟี่จะออกอาการตลอด
-
ก่อนบุกถ้ำทางเหนือ ยุฟฟี่จะยื่นสัญญาว่าด้วยเรื่อง
"การยกมาทีเรียทั้งหมดให้ยุฟฟี่หลังสิ้นสุดการต่อสู้"
ให้คลาวด์เซ็น
(ซึ่งแน่นอนว่าคลาวด์ไม่เซ็น)
-
ชูริเคนไซส์เบิ้มเป็นอาวุธประจำตัวของยุฟฟี่ที่สั่งทำขึ้นมาเอง
ชูริเคนที่ชาววูไทใช้ปกติจะมีขนาดเล็กและพลังโจมตีน้อยกว่า
-
สมัยก่อนยูริและยุฟฟี่เคยไปเล่นแถวเทวรูปต้าเสา
เจอกับ
Bizzare Bug
ยูริรู้ว่ามันมีพิษเลยวิ่งหนีปล่อยให้ยุฟฟี่โดนพิษหลับไปสามวัน
เขาเจ็บใจกับความอ่อนแอและขี้ขลาดของตนเองจึงฝึกใช้มีดจนเก่งกาจ
แต่พอเจอกันอีกครั้ง ยุฟฟี่ดันเก่งกว่าเขาขึ้นไปอีก
-
หลังจบการต่อสู้คลาวด์เก็บ
"มาทีเรียของยุฟฟี่"
ใส่กล่องแล้วทิ้งไว้ในโบสถ์สลัมแบบไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ขนาดมาร์ลีนยังหยิบมาปาเล่นได้
พวกคาดาจได้ยึดมาทีเรียพวกนี้มาใช้ในการต่อสู้ด้วย
-
ยุฟฟี่ปรากฏตัวหลายครั้งใน
Crisis Core หลังสงครามวูไทสิ้นสุดลงมีชายผมบลอนด์คนหนึ่งมาหาโกโด้พร้อมเอารายชื่ออีเมล์โซลเยอร์ทุกคนและตำแหน่งสมบัติให้
แต่โกโด้ไม่สนใจ ยุฟฟี่จึงส่งสแปมเมล์หาโซลเยอร์ที่สนใจมาช่วยเธอล่าสมบัติ
แล้วก็มีตาแซ็คบ้าจี้มาคนเดียว เขามาเพราะกลัวยุฟฟี่เดี้ยงไปมากกว่าห่วงเรื่องสมบัติ
เพราะแต่ละที่ๆยุฟฟี่ไปมันอันตรายสุดๆ แถมตอนอวาลันช์ตั้งฐานทัพในวูไท
ยุฟฟี่ยังแอบเข้าไปฟังพวกนั้นประชุมกันได้สบายๆอีก
-
ยุฟฟี่เคยขโมยมาทีเรีย
Bahamut Fury ไปจากแซ็ค
แต่มันอันตรายเกินกว่าที่ยุฟฟี่จะรับมือไหวเลยเอามาคืน
ตอนนั้นเธอยังเด็กมากและไม่รู้ว่าที่หยิบมามันคืออะไรกันแน่
จนกระทั่งพบกับเติร์กและได้ฟังคำอธิบายเรื่องมาทีเรียยุฟฟี่จึงสนใจจะรวบรวมมาทีเรีย
และกลายเป็นมาทีเรียฮันเตอร์
-
ในฉากเปิดของ
Dirge of Cerberus จะเห็นยุฟฟี่นำทีมกู้ภัยออกมาช่วยเคลื่อนย้ายรูฟัสออกจากตึก
10th Ultimania
อธิบายว่าเหตุผลที่ยุฟฟี่และวินเซนต์ไม่ได้ปรากฏตัวในฉากจบ
FFVII เพราะมาช่วยอพยพคนหลังสู้กับเซฟิรอธนั่นเอง
...ซึ่งเป็นคำอธิบายที่แฟนๆบอกว่าไม่เข้าท่า
บ้างก็ว่าโฮลี่พุ่งขึ้นมาปะทะกับเมเทโอทันทีพร้อมๆกับพวกคลาวด์ที่บินออกมา
ยุฟฟี่จะเอาเวลาที่ไหนลงจากเรือไปช่วยคน?
บ้างก็ว่าถ้ายุฟฟี่และวินเซนต์ลงไปช่วยคน แล้วพวกคลาวด์ทำไมอยู่บนเรือกันเฉยๆ?
แถมในคัตซีน FFVII
ก่อนออกจากเครเตอร์ก็ไม่มีทั้งสองคนนี้อยู่ดี ส่วนใน Case
of Shinra ของคุณโนจิม่าผู้เขียนบทหลักนั้น
รูฟัสถูกทีมกู้ภัยของชินระย้ายตัวออกไปหลายวันก่อน
และในวันที่เมเทโอตกนั้นเขาอยู่ที่เมืองคาล์มแล้ว พวกอวาลันช์รวมทั้งยุฟฟี่และทีฟาได้มาช่วยผู้คนอพยพก่อนหน้านั้น
(ขอเชื่อตามคุณโนจิม่าดีกว่า)
-
ใน
Dirge of Cerberus ยุฟฟี่ในฐานะสมาชิก WRO
มีบทบาทช่วยเหลือวินเซนต์หลายครั้ง
ทั้งตอนช่วยวินเซนต์จากเงื้อมมือรอสโซ่, พาพรรคพวกบุกเข้ามิดการ์,
บุกเข้าไปสู้กับไวส์พร้อมวินเซนต์แต่ถูกเนโรส่งเข้ามิติมืด ก่อนที่วินเซนต์จะช่วยกลับมาได้
-
ใน
compilation ตั้งแต่ FFVII, AC, BC, CC, DC
ยุฟฟี่เป็นตัวละครเดียวที่ใส่ชุดไม่ซ้ำกันเลย
<กลับไปหน้าหลัก> |