|
Tseng
ツォン
เพศ : ชาย
วันเกิด : ไม่ทราบ
อายุ : ไม่ทราบ
กรุ๊ปเลือด : ไม่ทราบ
สถานที่เกิด : ไม่ทราบ
ส่วนสูง : ไม่ทราบ
อาวุธ :
ปืน
|
เส็งเข้าร่วมเป็นเติร์กของชินระตั้งแต่ยังหนุ่ม
งานที่ทำหลายครั้งเป็นงานป่าเถื่อนและโหดเหี้ยมอย่างที่ตัวเส็งเองไม่ชอบ
แต่เขาก็เชื่อว่าเติร์กเป็นหน่วยงานที่ปราณีเป็นลำดับต้นๆของชินระแล้ว
ครั้งหนึ่งเขาเคยปฏิบัติกับ อิฟาลน่า
หญิงเผ่าเซทราที่ชินระนำตัวมาทดลองอย่างโหดเหี้ยม
เพื่อให้เธอยอมทำตามคำสั่งของชินระ แต่นั่นทำให้เธอบาดเจ็บสาหัส
และต้องพาลูกสาวเพียงคนเดียวหนีออกมาจากชินระก่อนสิ้นชีวิตลง
เหตุการณ์นี้ทำให้เส็งเปลี่ยนทัศนคติในการทำงานไปอย่างสิ้นเชิง
เขาให้ความสำคัญกับคนที่ปฏิบัติด้วยทุกครั้ง
และคอยปรามไม่ให้ลูกน้องกระทำเกินกว่าเหตุอยู่บ่อยๆ
แล้วเขาก็ถูกมอบหมายให้ค้นหาเด็กผู้หญิงชาวเซทราลูกสาวของอิฟาลน่า
และพาตัวมายังชินระ
เพื่อให้เธอได้นำพาชินระไปยังดินแดนแห่งพันธสัญญาดังคำเล่าขาน
แม้จะรู้สึกผิดกับอิฟาลน่าและลูกสาวของเธอ
แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่นี้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
เส็งสืบพบว่าเด็กคนนี้คือแอริธ เกนสโบรู
ซึ่งตอนนี้ถูกเลี้ยงดูโดยหญิงหม้ายอยู่ในสลัมเขต 5
แต่เขาก็ทำได้เพียงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ
เพราะตระหนักว่าคนที่เป็นด้านมืดของบริษัทอย่างเขา
ไม่คู่ควรที่จะเข้าใกล้คนสูงค่าเช่นเธอที่เป็นผู้สืบทอดสายเลือดเซทราคนสุดท้ายของโลก
แล้วเวลาก็ผ่านไปวันแล้ววันเล่า หนูน้อยแอริธได้เข้ามาทักทายเส็ง
เพราะเธอเชื่อว่าคนๆนี้คอยเฝ้าดูแล และปกป้องเธอจากชินระที่เธอหวาดกลัว
"ขอบคุณที่ขยันทำงานมาตลอดนะคะ
คุณคอยปกป้องหนูใช่ไหมล่ะคะ?"
แม้จะเป็นโอกาสดีที่จะชวนเธอมาร่วมด้วย
แต่เส็งกลับซื่อสัตย์กับตัวเองแล้วพูดความจริงทั้งหมดให้เธอฟังว่าเขามาจากชินระ
และต้องการนำตัวแอริธกลับไป แม้จะพยายามบอกให้แอริธรู้ว่าพลังของเธอเป็นสิ่งวิเศษที่สามารถนำพาผู้คนบนโลกนี้ไปยังดินแดนแห่งพันธะสัญญาเพื่อความสุขของทุกคน
แต่แอริธไม่ต้องการกลับไปหาชินระ และเธออยากเป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดา
เส็งยอมรับในการตัดสินใจของเธอ และคอยเฝ้าคุ้มครองแอริธจากคนที่ต้องการพลังของเธอ
ทั้งจากชินระ และกลุ่มต่อต้านที่ชื่ออวาลันช์ เขาเชื่อว่าวันหนึ่งแอริธจะต้องกลับมา
และเส็งได้แต่เฝ้ารอคอยให้ถึงวันนั้น
แม้ชินระจะมีด้านมืดที่น่าเกลียดชัง
แต่เส็งก็ได้เห็นสิ่งดีๆรวมทั้งได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง
โดยเฉพาะจากเวอร์ด็อท ชายผู้เป็นหัวหน้าทีมเติร์ก ที่สมาชิกเติร์กทุกคนให้ความเชื่อมั่น
แต่เขาก็ขัดแย้งกับเวอร์ด็อทเรื่องอุดมการณ์ในการทำงานอยู่บ่อยๆ
เพราะเส็งเชื่อว่าการปกป้องชีวิตของผู้คนคือภารกิจที่สำคัญที่สุด
ในขณะที่เวอร์ด็อทต้องการให้เติร์กทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของชินระเป็นอันดับแรก
ครั้งหนึ่งเส็งเคยไปตรวจสอบเรือขนอาวุธที่นำอาวุธของชินระออกขายในตลาดมืด
เขาเลือกที่จะช่วยชีวิตของทหารชินระที่ถูกพ่อค้าเล่นงานจนปางตาย
มากกว่าเลือกตามอาวุธคืนเพื่อไม่ให้ความลับขององค์กรรั่วไหล
ตัวเส็งเองเข้าใจว่าเขาทำผิดต่อบริษัทไปแล้ว
แต่ชินระก็ให้โอกาสเขาแก้ตัวด้วยการไปตามทำลายอาวุธและข้อมูลที่รั่วออกไป
และเวอร์ด็อทยังฝากคำที่เป็นคติประจำใจในการทำงานของเส็งมาจนปัจจุบันว่า
"จงทิ้งความกลัวไปซะเส็ง
จงกอบกู้เกียรติภูมิของเธอมาด้วยสองมือนั้นอีกครั้ง เติร์กจะต้องปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง
ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม"
ตอนที่เส็งบุกเรือขนอาวุธเพื่อทำลายข้อมูลนั้น
เขาโดนระเบิดและกรอบเหล็กร่วงลงมาขังไว้ แต่เวอร์ด็อทกลับเลือกเข้ามาช่วยเขาแทนการทำหน้าที่ที่ชินระมอบหมาย
ทั้งที่เวอร์ด็อทเคยสอนว่าจงทำทุกอย่างเพื่อให้ภารกิจลุล่วง
แต่เขากลับเลือกที่จะช่วยลูกน้องจนถูกไฟลวกเกิดเป็นแผลเป็นที่ใบหน้า
การทำหน้าที่ให้ลุล่วงก็สำคัญ
แต่ถ้าทำงานสำเร็จโดยไม่ต้องสูญเสียอะไรไปเลยจะยิ่งดีกว่าเสียอีก
ตลอดช่วงเวลาการทำงานที่ผ่านมาเส็งต้องต่อสู้กับความขัดแย้งสองอย่างนี้มาตลอด
เขาต้องการปกป้องคนอื่น ในขณะเดียวกันก็ต้องทำหน้าที่ของเติร์กให้ลุล่วงไปด้วย...
สถานะของเติร์กมาถึงจุดพลิกผัน เมื่อเวอร์ด็อทพบว่าผู้นำของอวาลันช์
กลุ่มต่อต้านชินระคือเฟลิเซีย ลูกสาวของตนเอง ทำให้เวอร์ด็อทตัดสินใจหันหลังให้ชินระเพื่อปกป้องลูกสาว
แม้จะปฏิบัติตามคำสั่งของชินระอย่างเคร่งครัดมาตลอด
แต่เมื่อถึงคราวต้องเลือกระหว่างครอบครัวและหน้าที่แล้วเขาเลือกครอบครัวอย่างไม่ลังเลใจ
ซึ่งนั่นคือเวอร์ด็อทที่เส็งรู้จักดี เวอร์ด็อทเคยสูญเสียครอบครัวไปครั้งหนึ่งในเหตุการณ์ทำลายเมืองคาล์ม
และครั้งนี้เขาไม่อยากสูญเสียครอบครัวไปอีก
พวกเติร์กตัดสินใจช่วยเหลือเวอร์ด็อททำให้ประธานชินระออกคำสั่งทำลายล้างเติร์กทันที
เวอร์ด็อทถูกกองทหารชินระจับตัวได้กลางทะเลทรายโคเรล
และถูกตัดสินประหารชีวิต พวกเติร์กจึงต้องรีบเข้าไปชิงตัวเวอร์ด็อทออกมา
เส็ง และเติร์กอีกสองคนคือเรโนและรู้ด
ต้องฝ่ากองทหารหุ้มเกราะจำนวนมหาศาลเพื่อบุกเข้าไปชิงตัวเวอร์ด็อท
แต่ทหารก็กรูเข้ามาไม่หยุดหย่อน เรโนและรู้ดถูกเล่นงานจนหมอบไป
แต่เส็งก็นึกถึงสิ่งที่เวอร์ด็อทสั่งสอนไว้
และครั้งนี้พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อเวอร์ด็อทด้วยเจตจำนงและเกียรติภูมิของเติร์กตามที่ตัวเวอร์ด็อทได้ฝากฝังไว้
ด้วยแรงใจครั้งนี้ทำให้เส็งสามารถจัดการทหารหุ้มเกราะจำนวนมหาศาลที่ล้อมพวกเขาอยู่ได้จนหมด
แล้วพวกเขาก็ชิงตัวเวอร์ด็อทและลูกสาวออกจากที่คุมขังได้สำเร็จ
แต่ขณะหนีออกมาก็ถูกกองทหารล้อมไว้อีกครั้ง
หนนี้ประธานยื่นข้อเสนอว่าจะเลิกตามล่าเติร์ก แลกเปลี่ยนกับการที่เวอร์ด็อทและเฟลิเซียจะต้องถูกกำจัด
ซึ่งแน่นอนว่าพวกเติร์กไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ แต่เส็งกลับลั่นปืนสังหารเวอร์ด็อทและเฟลิเซียอย่างไม่ลังเลใจ
แล้วเส็งก็หอบร่างของทั้งสองขึ้นรถบรรทุกไปยังสำนักงานใหญ่
ท่ามกลางความตกตะลึงของเรโนและรู้ด
แท้จริงแล้วเส็งแกล้งทำเป็นยิงปืนใส่ตำแหน่งที่ไม่ใช่จุดตายเพื่อพาทั้งสองคนหลบหนีออกมา
เวอร์ด็อท พร้อมทั้งพวกเติร์กจำนวนมากที่หาบสาบสูญไปในการต่อสู้ครั้งนี้ถูกตีข่าวว่าเสียชีวิตและชินระเลิกสนใจตามล่าไปแล้ว
ปัจจุบันพวกเขาได้แยกย้ายไปใช้ชีวิตอย่างสงบในที่ต่างๆทั่วโลก
รอเวลาที่จะกลับมาทำหน้าที่เติร์ก เมื่อเส็งและคนอื่นๆต้องการตัวพวกเขา
หลังก้าวพ้นการกวาดล้างครั้งนี้มาได้ เติร์กเหลือสมาชิกเพียงสี่คนคือ
เส็ง เรโน รู้ด และเอเลน่า สาวสมาชิกเติร์กหน้าใหม่ที่แอบชื่นชอบเส็งอยู่
เส็งปลงผมยาวลงประบ่า แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจขึ้นรับตำแหน่งผู้นำเติร์กต่อจากเวอร์ด็อทนับจากนี้ไป...
เส็งสนิทกับแซ็ค แฟร์ โซลเยอร์เฟิร์สคลาสที่เคยปฏิบัติภารกิจร่วมกันหลายครั้ง
แซ็คเป็นคนรักของแอริธ
เด็กน้อยที่เส็งถูกมอบหมายให้ตามหามาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนซึ่งปัจจุบันเธอเติบโตเป็นหญิงสาวที่งามพร้อม
ในครั้งที่แซ็คต้องออกไปปฏิบัติภารกิจที่นีเบิลไฮม์
เขาได้ไว้วางใจฝากให้เส็งช่วยดูแลแอริธด้วย
ซึ่งเส็งก็ยินดีรับหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ
เวลาผ่านไป 4 ปี ยังไม่มีทีท่าว่าแซ็คจะได้กลับมา
เส็งรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นในนีเบิลไฮม์ และแซ็คได้ถูกนักวิทยาศาสตร์ของชินระนำตัวไปทดลองบางอย่าง
เส็งยังคงเก็บจดหมายทุกฉบับที่แอริธพยายามส่งถึงแซ็คมาตลอด
เขาตั้งใจจะมอบให้เมื่อแซ็คกลับมา แต่โอกาสนั้นไม่มีวันมาถึงตลอดกาล
เมื่อชินระส่งกองทหารออกตามล่าแซ็คที่หนีออกมาจากห้องทดลอง
เส็งพยายามให้พวกเติร์กออกตามหาตัวแซ็คให้พบก่อนกองทหารของชินระ
แต่ก็สายเกินไป แซ็คถูกสังหารที่เนินเขาใกล้กับมิดการ์โดยที่เส็งไม่สามารถช่วยอะไรได้
และความล้มเหลวครั้งนี้ก็กลายเป็นตราบาปในใจเส็งมายาวนาน
สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือใครได้
...แม้แต่แอริธ เด็กผู้หญิงคนสำคัญของเขา
ข่าวเรื่องการพบตัวหญิงสาวเผ่าโบราณที่พวกชินระตามหามากว่าสิบปีรั่วไปถึงหูของประธานชินระ
ทำให้ชินระส่งคนออกมาตามล่าเธออย่างจริงจัง
เส็งไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้อีกแล้ว
นอกจากตัดสินใจใช้กำลังบังคับให้เธอกลับมาอยู่กับชินระ
สถานการณ์ต่างๆได้บีบคั้นให้ชายหนุ่มผู้โอบอ้อมอารีย์ได้กลายเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้งานลุล่วงตามที่ได้รับมอบหมาย
ซึ่งนั่นเป็นหนทางตัวเขาและเวอร์ด็อทคนที่เขาเชื่อถือยึดมั่น
เส็งชิงตัวแอริธมายังสำนักงานใหญ่ชินระ
ครั้งนี้เขาลงมืออย่างรุนแรงเพื่อบังคับให้แอริธเลิกขัดขืน
แม้แต่ลูกน้องที่เคยปฏิบัติภารกิจอย่างป่าเถื่อนจนเส็งต้องคอยปรามหลายครั้ง
กลับต้องตกใจกับความโหดเหี้ยมของเส็งในครั้งนี้
"นี่ไม่ใช่การเล่นบทปีศาจร้าย สำหรับแอริธแล้วชินระนั่นหละคือปีศาจ
เพราะงั้นปีศาจก็ต้องทำตัวแบบปีศาจสิ"
นั่นคือสิ่งที่เขาบอกกับลูกน้อง
เส็งยอมสวมหน้ากากของปีศาจร้าย
เพื่อให้เรื่องของเผ่าโบราณที่เกี่ยวข้องกับตัวเขามายาวนานตั้งแต่สมัยอิฟาลน่าจบลงเสียที
และเขาไม่ตั้งใจจะทรยศชินระที่ให้โอกาสเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่ามากไปกว่านี้อีกแล้ว
แต่แอริธก็กลับมาอยู่กับชินระได้ไม่นาน
กลุ่มต่อต้านชินระนำโดยคลาวด์ สไตรฟ์ ได้บุกเข้ามาชิงตัวแอริธออกไปได้สำเร็จ
พร้อมกับการกลับมาของเซฟิรอธ อดีตโซลเยอร์ของชินระที่กลับมาทำลายชินระและออกตามหาดินแดนแห่งพันธสัญญา
ตอนนี้ภารกิจหลักของเติร์กเปลี่ยนเป็นการออกตามล่าเซฟิรอธ
แต่ถึงอย่างนั้นเส็งก็มีโอกาสได้พบกับแอริธเป็นครั้งสุดท้ายที่วิหารของเผ่าโบราณทางตอนใต้
เส็งตามร่องรอยของเซฟิรอธเข้ามาจนถึงด้านในสุดของวิหาร
แต่เขาก็ถูกเซฟิรอธเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส แอริธและพรรคพวกของเธอที่ตามมาได้พบกับเส็งที่กำลังจะตาย
เส็งรู้ว่าในสายตาของแอริธเขาคงเป็นคนชั่วช้าไปแล้ว เขาพยายามทำตัวเป็นเติร์กต่อหน้าแอริธจนถึงวาระสุดท้ายด้วยการบอกว่า
"โธ่เว้ย การปล่อยให้แอริธหนีไปได้นี่เป็นจุดเริ่มต้นความซวยของฉันจริงๆ"
แต่สำหรับแอริธนั้น
แม้จะปฏิเสธคำเชิญของเส็งและต่อว่าเส็งมาตลอด
แต่เธอไม่เคยรู้สึกว่าเขาเป็นศัตรูเลย สำหรับแอริธแล้วเส็งคือคนที่รู้จักกันมาเกือบทั้งชีวิต
และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ ทำให้น้ำตาของแอริธไหลออกมาไม่หยุด
เมื่อเห็นแบบนั้นเส็งกลับต้องเป็นฝ่ายให้กำลังใจแอริธว่า
"ฉันยังไม่ตายหรอก"
พวกแอริธมีภารกิจต้องตามล่าเซฟิรอธ
ทำให้พวกเขาต้องทิ้งเส็งไว้ เส็งได้แต่นั่งรอความตายอยู่ช้าๆ
ท่ามกลางสติเลือนรางเขามองเห็นหุ่นยนต์แมวตัวหนึ่งเข้ามาหาเขา
นั่นคือเคทซิท หุ่นยนต์ของบริษัทชินระที่รีฟ ทูเอสติ
เป็นผู้ควบคุม เขาได้ติดต่อพวกเติร์กรุ่นเก่าที่ออกจากชินระไปแล้วให้กลับมาช่วยพาตัวเส็งไปรักษาที่จูน่อน
เส็งรอดตายมาได้
แต่หลังจากนั้นสถานการณ์กลับเลวร้ายลงเรื่อยๆ แอริธถูกเซฟิรอธสังหาร
เมเทโอได้ถูกเรียกมาเพื่อถล่มดวงดาวตามแผนการของอดีตโซลเยอร์ผู้นี้
และตึกชินระยังถูกเวพ่อนถล่มจนเกือบราบคาบ เคราะห์ดีที่พวกเติร์กสามารถช่วย
รูฟัส ชินระ ประธานชินระคนปัจจุบันออกมาได้
แม้ชินระเกือบจะจบสิ้นไปแล้ว
แต่พวกเขาก็ยังคงทำหน้าที่ของเติร์กต่อไป รูฟัสมอบหมายให้เติร์กรวบรวมข้อมูล
และมีแผนการสร้างเมืองขึ้นมาทดแทนมิดการ์
แม้จะเกิดเรื่องวุ่นวายหลายอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเมืองเอดจ์ก็ถูกสร้างขึ้นมาเป็นที่อยู่ของประชาชน
พร้อมมีอนุสาวรีย์เมเทโอกลางเมือง
เพื่อให้ประชาชนรู้ว่านี่คือเมืองของชินระ พวกเติร์กยังคอยรับใช้รูฟัสมาตลอด
และภารกิจสำคัญครั้งหนึ่งคือการตามหาเซลล์เจโนวาซึ่งตกค้างอยู่ในเครเตอร์ตอนเหนือ
เส็งและเอเลน่าเข้ามาพบศัตรูที่หลอมขึ้นจากจิตของเซฟิรอธและถูกเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส
แต่ก็ฝากให้เรโนและรู้ดนำเซลล์เจโนวาไปให้รูฟัสได้สำเร็จ
แม้เติร์กจะเหลือเพียงสี่คนแต่พวกเขาก็ไมได้โดดเดี่ยว
เวอร์ด็อทอดีตหัวหน้าของเขายังคอยช่วยเหลือพวกเส็งอยู่ตลอด
ทั้งตอนช่วยคนอพยพช่วงเมเทโอตก และการให้ข้อมูลต่างๆที่จำเป็น เท่าที่เวอร์ด็อทจะหามาได้
สำหรับเขาแล้วพวกเติร์กก็เป็นเหมือนลูก และเวอร์ด็อทยังได้ฝากฝังให้เส็งช่วยดูแลประธานคนนี้ด้วย
แม้เส็งจะยังคิดถึงวันที่เวอร์ด็อทคอยเฝ้ามองตอนที่เขาออกไปปฏิบัติภารกิจเหมือนเมื่อก่อน
แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเขานั่นละ ที่มีหน้าที่ออกนำเติร์กตั้งแต่วันที่เวอร์ด็อทจากไปนั้น...
Trivia
-
คาดกันว่าชื่อ
Tseng
เป็นภาษาจีนที่เขียนแบบ Pinyin
(เทียบเสียงอ่านจีนด้วยตัวโรมัน) ซึ่งตัว e
ออกเสียงสระโอะ ส่วนตัวภาษาญี่ปุ่นตามตัวคาตาคานะ
ツォン
อ่านว่า
ซ่ง
เพื่อความคุ้นเคยตามที่ใช้กันมาผมขออนุญาตเรียกหมอนี่ว่า "เส็ง"
เหมือนเดิมนะครับ แม้แต่วิธีสะกดชื่อหมอนี่ใน Last Order
ทั้งตอนเส็งลงชื่อและในเครดิตตอนจบจะเขียนว่า "Zheng"
(ซึ่งผิด!) ใน Crisis Core
แซ็คพบกล้องถ่ายรูปที่เส็งทำตกไว้หน้าโบสถ์ก็อ่านชื่อ TSENG
ไม่ออก
เลยไม่รู้ว่าเป็นของเส็ง
-
ชุดของเติร์กในภาคหลักเป็นสีน้ำเงิน
แต่เปลี่ยนเป็นสีดำในภาคเสริมอื่นๆ
-
พวกเติร์กอย่างเส็งได้เงินเดือนมากกว่าโซลเยอร์อย่างแซ็คเสียอีก
-
จากบันทึกนักวิจัยในคฤหาสน์ชินระที่นีเบิลไฮม์ เส็งพยายามขอคุยกับโฮโจเพื่อช่วยเหลือแซ็คหลายครั้ง
แต่ถูกเจ้าหน้าที่ของชินระห้ามไว้
-
เส็งมักใส่เครื่องแบบเติร์กอยู่เสมอ
แม้แต่เวลาไปพักร้อนที่คอสตาเดลโซลซึ่งคนอื่นใส่ชุดว่ายน้ำ
เส็งก็ยังใส่สูทเต็มยศจนแซ็คสงสัยว่าหมอนี่ไม่เคยใส่ชุดอื่นเลยเรอะ?
ที่จริงแล้วเขาเคยใส่ชุดฮาวายสีฉูดฉาดตอนเข้าไปรวบรวมข้อมูลในมิดการ์กับเอเลน่า
สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนชุดเพราะคนมิดการ์กำลังโกรธแค้นและกล่าวโทษว่าชินระเป็นต้นเหตุของหายนะทั้งหมด
-
เส็งเป็นตัวละครที่ปรากฏตัวในเกือบทุกภาค (ยกเว้น
Dirge of
Cerberus และแอนิเมชั่น
On the Way to a Smile
ซึ่งเป็นเรื่องของเดนเซล) เขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญของ
FFVII ทั้งภารกิจตามล่าและกำจัดเจเนซิสและแองจีล
การทำลายบาโนร่า หายนะของโคเรล การยิงจรวดล้มเหลว การทำลายป้อมอวาลันช์ที่วูไทและนอร์ธโพล
การเผาเมืองนีเบิ้ลไฮม์ การตามล่าแซ็ค เติร์กก่อกบฏ
การล่มสลายของชินระ การอพยพชาวเมืองช่วงเมเทโอตก การฟื้นฟูชินระ
และอื่นๆ เรียกได้ว่าเหตุการณ์แทบทั้งหมดของ Compilation of
FFVII
ได้ปรากฏต่อสายตาของชายผู้นี้
ทำให้เขาเป็นคนที่เข้าใจเรื่องราวต่างๆมากกว่าใคร
<กลับไปหน้าหลัก> |