Rufus Shinra

ルーファウス神羅 


เพศ : ชาย
วันเกิด : ม่ทราบ
อายุ : ประมาณ 25 ปีในภาคหลัก
กรุ๊ปเลือด : ไม่ทราบ
สถานที่เกิด : ไม่ทราบ  
ส่วนสูง : ไม่ทราบ
อาวุธ : ปืน

     

ใต้เงาผู้ปกครองโลก

รูฟัส ชินระ เป็นลูกชายของเพรสซิเดนท์ ชินระ ประธานบริษัทผลิตพลังงานไฟฟ้าชินระที่มีอิทธิพลต่อทุกวงการอย่างกว้างขวาง เพียบพร้อมด้วยอำนาจทรัพย์สิน องค์ความรู้ กำลังทหาร มีบทบาทอย่างมากต่อการควบคุมสื่อและมวลชน สำนักงานใหญ่ของชินระตั้งอยู่ที่เมืองมิดการ์ เรียกได้ว่าแทบทุกชีวิตในมิดการ์นั้นถูกชินระควบคุมเกือบทุกสิ่งทุกอย่างและยังแผ่ขยายอำนาจออกไปทั่วโลก จุดสำคัญที่ทำให้ชินระประสบความสำเร็จคือการค้นพบการใช้พลังงานมาโคซึ่งมีอยู่ภายในดวงดาวมากมายมหาศาลอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การใช้เป็นพลังงานในเครื่องจักร ยานพาหนะ ใช้เป็นอาวุธ การผลิตมาทีเรีย ไปจนถึงเพิ่มความสามารถให้คนของกองทัพ ชินระจึงได้ออกสร้างเตาปฏิกรณ์มาโคในพื้นที่ต่างๆทั่วโลกที่มีแหล่งมาโคอยู่ 

ผู้คนเรียกพ่อของเขาว่าท่านประธานชินระ แม้จะมีอำนาจระดับที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ปกครองโลกด้วยพลังทางเศรษฐกิจแล้วแต่ประธานชินระก็ยังมองถึงเป้าหมายที่สูงกว่านั้น นั่นคือการตามหาดินแดนแห่งพันธสัญญา สถานที่ๆจะมอบความสุขสูงสุดให้แก่ผู้คน ประธานชินระเชื่อว่ามันคงเป็นที่ๆมีพลังมาโคอยู่อย่างไร้ขีดจำกัด และหากพวกเขาสามารถค้นพบมันได้บริษัทจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

รูฟัสใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของพ่อตนเองมาตลอด ด้วยความยิ่งใหญ่ทำให้ประธานชินระดูเหมือนอยู่ไกลเกินกว่าที่เด็กน้อยคนหนึ่งจะเอื้อมไปถึง อีกทั้งงานมากมายยังทำให้พ่อไม่มีเวลาอยู่กับเขามากนัก นานๆทีพ่อจะกลับมาบ้านพร้อมโชว์ผลงานเด็ดที่ตัวเองภาคภูมิใจ แต่เด็กไม่กี่ขวบอย่างเขาต่อให้พยายามทำตัวฉลาดให้พ่อชมขนาดไหนเขาก็ไม่เข้าใจงานยากๆของพ่ออยู่ดีนั่นละ เขาสนิทกับตาแก่ติ๊งต๊องอย่างพาลเมอร์มากกว่าพ่อของเขาด้วยซ้ำ

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่รูฟัสเกิดแรงผลักดันให้เขาก้าวข้ามพ่อ มันไม่ใช่แรงบันดาลใจที่จะก้าวข้ามบุคคลที่เขาเคารพ แต่มันเหมือนกับการล้างแค้นต่อพ่อที่ถือตัวอวดดีและชอบทำเหมือนเขาเป็นคนขี้แพ้อยู่เสมอ เขาจะต้องใช้ทุกวิถีทางเหยียบหัวพ่อขึ้นไปเป็นคนที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นให้ได้

หักหลังชินระ

รูฟัสเข้าทำงานในบริษัทชินระ เขาได้รับเลือกให้ขึ้นรักษาการตำแหน่งรองประธานและได้ออกเจรจาธุรกิจทั่วโลกตั้งแต่อายุได้เพียง 18 ปี ช่วงนั้นบริษัทชินระมีปัญหาประดังเข้ามามากมายทั้งโซลเยอร์ที่ปลีกตัวออกจากกองทัพ สงครามกับวูไท และการต่อต้านจากกลุ่มอวาลันช์ที่ต่อต้านการใช้พลังงานมาโค

รูฟัสได้แอบติดต่อกับกลุ่มอวาลันช์อย่างลับๆไปพร้อมๆกับการทำหน้าที่บอร์ดบริหารของชินระ เขาให้เงินทุนสนับสนุนกลุ่มอวาลันช์รวมทั้งให้ข่าวสารความเคลื่อนไหวภายในชินระ ทำให้อวาลันช์สามารถต่อสู้กับองค์กรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างชินระได้อย่างสูสี เขาคิดว่าเขาจะใช้อวาลันช์โค่นล้มชินระของพ่อตัวเองได้ เมื่อข่าววงในรั่วออกไปหลายครั้งจนผิดสังเกตก็เริ่มมีการตามล่าตัวผู้ทรยศขึ้น ซึ่งเวอร์ด็อทของเติร์กก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ แต่เขาก็ทำงานลบล้างชื่อเสียได้ตลอด อีกทั้งเติร์กยังเป็นขวากหนามสำคัญที่คอยขัดขวางปฏิบัติการของอวาลันช์หลายต่อหลายครั้ง

รูฟัสถูกเติร์กจับตัวได้ในเตาปฏิกรณ์โคเรลขณะที่พวกอวาลันช์กำลังจะระเบิดเตาปฏิกรณ์ หนนี้ฟุฮิโตะของอวาลันช์เป็นคนสั่งการนอกคำสั่งของรูฟัส แถมฟุฮิโตะยังหักหลังรูฟัสออกนำอวาลันช์เสียเองด้วย เติร์กต้องรีบปกป้องรูฟัสจากการโจมตีของอวาลันช์ที่เปลี่ยนขั้ว ก่อนเติร์กเส็งจะนำตัวรูฟัสกลับมาที่สำนักงานใหญ่ของชินระ

แม้จะถูกจับได้แต่ประธานชินระก็ไม่ได้ลงโทษอะไรให้สาสมกับความผิดของเขา เพียงแค่สั่งให้เติร์กคอยควบคุมตัวรูฟัสอย่างเข้มงวด แถมยังคงตำแหน่งรองประธานของรูฟัสไว้เหมือนเดิมอีกต่างหาก เพรสซิเดนท์ฝากคำพูดผ่านเวอร์ด็อทบอกกับรูฟัสว่าเขาจะพยายามลืมสิ่งที่รูฟัสทำลงไป และผู้เป็นพ่อย่อมอยากให้ลูกของตนเองมีความสุข แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้รูฟัสเลิกคิดที่จะเอาชนะพ่อ เขาเพียงแต่รอให้โอกาสครั้งต่อไปมาถึงอยู่เงียบๆ

หลังจากนั้นเวอร์ด็อทตัดสินใจหันหลังให้ชินระเพื่อช่วยเหลือเอลเฟ่ลูกสาวของตนซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มอวาลันช์ พวกเติร์กเลือกที่จะเดินตามรอยเวอร์ด็อททำให้ชินระตัดสินใจกวาดล้างเติร์กครั้งใหญ่ ฟุฮิโตะได้เรียกซิลโคเนียด สัตว์อสูรในร่างเอลเฟ่ออกมาทำลายล้างโลก แต่เติร์กก็หยุดซิลโคเนียดไว้ได้ในขณะที่มันยังไม่สมบูรณ์ หลังจบการต่อสู้เกิดแรงระเบิดอย่างรุนแรงจนมีข่าวว่าพวกเติร์กเกือบทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว อีกทั้งเส็งยังแกล้งทำเป็นสังหารเวอร์ด็อทและเอลเฟ่ต่อหน้าทหารของชินระเพื่อช่วยให้ทั้งสองคนหนีจากเงื้อมมือชินระไปได้ รูฟัสได้ช่วยขอให้ประธานชินระยกโทษให้เติร์กที่เหลืออยู่เพราะถือว่าพวกเขาได้แสดงความภักดีต่อชินระด้วยการสังหารเวอร์ด็อทและผู้นำอวาลันช์ ลบล้างความผิดที่เคยก่อไว้แล้ว การที่รูฟัสช่วยเหลือเติร์กครั้งนี้เป็นเพราะรูฟัสเชื่อว่าเขาสามารถเก็บเติร์กไว้ใช้ประโยชน์ในอนาคตได้อีก

จากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เติร์กที่เหลืออยู่ทำงานเพื่อรูฟัสแบบถวายหัวมาตลอด ปัจจุบันเติร์กเหลือเพียงแค่เรโน รู้ด และได้รับเติร์กสาวชื่อเอเลน่าเข้ามาเพิ่มเติม โดยมีเส็งเป็นหัวหน้าผู้ดูแลเติร์ก ซึ่งสังกัดใต้ไฮเด็กเกอร์ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของชินระอีกที

ประธานหนุ่มของชินระ

แม้อวาลันช์จะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่กลุ่มต่อต้านกลุ่มใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นโดยใช้ชื่ออวาลันช์และสืบทอดอุดมการณ์ทำลายชินระเพื่อปกป้องดวงดาวมาเช่นเดียวกัน อวาลันช์ใหม่นี้นำโดยแบเร็ต วอลเลซ มีสมาชิกหลักคือทีฟา ล็อคฮาร์ท และทหารรับจ้างชื่อคลาวด์ สไตรฟ์ พวกเขาออกปฏิบัติการระเบิดเตาปฏิกรณ์เขต 1 ได้สำเร็จก่อความเสียหายแก่ชินระอย่างมหาศาล ประธานชินระจึงต้องออกคำสั่งกวาดล้างอวาลันช์อีกรอบ แม้เขต 7 ที่ซ่อนตัวของอวาลันช์จะถูกถล่มราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว แต่แกนนำยังคงเหลือรอดอยู่ พวกคลาวด์ได้ก่อวีรกรรมสำคัญอีกครั้งด้วยการบุกเข้าตึกสำนักงานใหญ่ของชินระเพื่อช่วยเหลือแอริธ เกนสโบรู หญิงสาวเผ่าโบราณที่ชินระจับตัวมาได้ แต่อวาลันช์ทั้งหมดก็ถูกเติร์กจับตัวไว้

เหตุการณ์พลิกผันเมื่อเซฟิรอธ โซลเยอร์ผู้เป็นตำนานของชินระกลับมาอีกครั้งพร้อมกับฆ่าคนเกือบหมดตึกรวมทั้งประธานชินระพ่อของรูฟัสเอง ผู้คนเคยเชื่อว่าเซฟิรอธตายไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน แต่เขาก็กลับมาพร้อมกับประกาศว่าจะออกตามหาดินแดนแห่งพันธสัญญา

คลาวด์มีความแค้นส่วนตัวกับเซฟิรอธเพราะเซฟิรอธผู้นี้ได้เผาทำลายบ้านเกิดของเขาในเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้อวาลันช์ต้องเดินทางออกตามล่าเซฟิรอธ เช่นเดียวกับชินระที่ต้องจัดการเซฟิรอธศัตรูขององค์กรพร้อมกับการตามหาดินแดนแห่งพันธสัญญาซึ่งเป็นเป้าหมายของพวกเขาเช่นกัน

เมื่อเพรซสิเดนท์ ชินระ เสียชีวิตไป รูฟัสกลับรู้สึกขอบคุณที่เซฟิรอธช่วยกำจัดตาแก่ให้พ้นทางเขาไปเสียที เขาขึ้นครองตำแหน่งประธานชินระ โดยผู้บริหารฝีมือฉกาจทั้งหลายก็ยังอยู่กันพร้อมหน้า รูฟัสไม่ชอบวิธีการของพ่อที่ปกครองโลกด้วยเงิน จ้างคนมาทำงานแล้วก็ให้ผลตอบแทน คอยส่งทหารเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านจากน้ำมือของพวกต่อต้าน สร้างภาพให้ดูดีไปวันๆ เขาจะไม่ทำแบบนั้น ชินระของเขาจะปกครองโลกด้วยความหวาดกลัว เมื่อความกลัวครอบครองจิตใจของผู้คนได้ พวกมันก็จะต้องทำงานให้ชินระแบบที่ไม่ต้องจ่ายเงินให้ด้วย (โห เลวกว่าพ่ออีก)

เซฟิรอธมีเป้าหมายคือการไปยังแดนเหนือเพื่อเรียกเมเทโอลงมาถล่มดวงดาว พวกชินระพร้อมกับอวาลันช์ได้ตามเซฟิรอธมาจนถึงแดนเหนือก็พบกำแพงมาทีเรียขนาดมหึมา พร้อมด้วยมาโคปริมาณมหาศาลซึ่งตรงตามคอนเซ็ปต์ของดินแดนแห่งพันธสัญญาที่ชินระได้ตามหามานานแสนนาน

"แต่ในที่สุดฉันก็เป็นคนหาพบ เสียใจด้วยนะตาแก่"

และมันก็เป็นที่ๆเซฟิรอธสามารถเรียกเมเทโอได้เช่นกัน สุดยอดมนต์ดำแห่งการทำลายล้างถูกร่ายออกทำให้ไลฟ์สตรีมเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ชินระต้องรีบพาพวกอวาลันช์หนีขึ้นเรือเหาะออกมา หลังเรียกเมเทโอ ได้เกิดบาร์เรียร์ครอบถ้ำตอนเหนือไว้ ในขณะที่เวพ่อนซึ่งดวงดาวได้สร้างขึ้นมาปกป้องดวงดาวจากหายนะได้ออกอาละวาดเพื่อทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง

แล้วการแสดงแสนยานุภาพของชินระในการต่อสู้กับพลังของดวงดาวก็เริ่มต้นขึ้น ชินระกลายเป็นผู้แบกรับความหวังของมนุษยชาติไว้อย่างไม่มีใครคาดคิด ตอนนี้ผู้คนทั่วโลกต่างคาดหวังว่าชินระจะช่วยปกป้องพวกเขาจากการอาละวาดของเวพ่อนและเมเทโอที่กำลังจะตกลงมาได้ ซึ่งรูฟัสในฐานะประธานหนุ่มก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม และกองทหารชินระยังสามารถใช้ปืนใหญ่มาโคจัดการแซฟไฟร์เวพ่อนจมลงทะเลจูน่อนได้สำเร็จ

ตอนนี้แผนการใหญ่ที่สุดของชินระคือการนำจรวดบรรทุกฮิวจ์มาทีเรียขึ้นไปปะทะกับเมเทโอ จรวดได้พุ่งออกนอกโลกชนกับเมเทโอตามแผนการณ์ เกิดระเบิดอย่างรุนแรง แต่เมเทโอก็เสียหายเพียงเปลือกชั้นนอกเท่านั้น ความล้มเหลวครั้งนี้แทบจะดับหวังของคนทั่วโลกจนสิ้น แผนการสุดท้ายคือการทำลายบาร์เรียร์เพื่อบุกเข้าไปจัดการเซฟิรอธ เพราะเชื่อว่าถ้าเซฟิรอธตายเมเทโอจะหายไปด้วย รูฟัสได้สั่งให้ย้ายปืนใหญ่มาโคจากจูน่อนมายังมิดการ์เพื่อใช้เตาปฏิกรณ์ของมิดการ์ทั้งแปดเตารวบรวมพลังงานมาโคยิงไปยังบาร์เรียร์แทนการใช้พลังงานจากฮิวจ์มาทีเรียที่เขาเอาไประเบิดกับเมเทโอหมดแล้ว แต่เวพ่อนก็ออกอาละวาดอีกครั้ง หนนี้ไดมอนด์เวพ่อนขึ้นจากทะเลมุ่งเข้าหามิดการ์ ปืนใหญ่มาโคได้ยิงกระสุนใส่ทะลุร่างไดมอนด์เวพ่อนไปทำลายบาร์เรียร์ได้สำเร็จ แต่กระสุนของไดมอนด์เวพ่อนที่ยิงสวนมาก็ทำลายตึกสำนักงานของชินระโดนรูฟัสที่อยู่ชั้นบนเข้าเต็มๆ

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรูฟัส แต่ข่าวได้ลือกันไปทั่วว่า "ประธานชินระตายแล้ว"

โฮโจหัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ต้องการยิงปืนใหญ่ซ้ำอีกครั้งเพื่อส่งพลังให้เซฟิรอธลูกชายของเขา การยิงติดต่อกันอาจทำให้เกิดระเบิดทำลายเมืองมิดการ์ทั้งเมืองได้ อวาลันช์จึงต้องบุกเข้ามิดการ์เพื่อหยุดยั้งโฮโจ หลังเสียประธานไป พวกผู้บริหารที่เอาแต่ใจก็ขอทำตามใจตนเอง สิ่งที่พวกเขาอยากทำที่สุดคือการล้างแค้นอวาลันช์ที่ทำพวกเขาเสียหน้าหลายครั้ง แล้วกองทัพของชินระภายใต้การนำของสการ์เล็ตและไฮเด็กเกอร์ก็เข้าปะทะกับอวาลันช์ที่บุกเข้ามายังมิดการ์

การต่อสู้จบลง สการ์เล็ต ไฮเด็กเกอร์ และโฮโจ ตาย พร้อมๆกับการล่มสลายของชินระ องค์กรที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในดวงดาว

ของขวัญจากพ่อ

รูฟัสรู้สึกตัวขึ้นกลางความมืดมิด ตึกกำลังจะถล่มลงมา แถมเวพ่อนจะโจมตีซ้ำเข้ามาอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทีแรกเขายิ้มให้กระสุนที่พุ่งเข้าใส่ตัวตึกอย่างไม่ยี่หระต่อความตาย แต่ตอนนี้เขากลับเกิดความรู้สึกว่าตัวเองยังตายไม่ได้ และโกรธตัวเองมากที่ยอมรับความตายตอนนั้น รูฟัสมุดลงมาใต้โต๊ะจนกระทั่งพบปุ่มที่เขียนตัว "L" ไว้ เขากดปุ่มแล้วหลุดเข้ามาในช่องลมไหลลงมาห้องนิรภัยด้านล่างตึกชินระ จังหวะนั้นเขานึกถึงตอนคุยกับพ่อเมื่อ 20 ปีก่อน

คืนนั้นพ่อกลับมาบ้านเพื่ออวดแปลนปรับปรุงสำนักงานประธานที่ตึกชินระชั้นบนสุด รูฟัสอยากออกความเห็นอะไรบ้างเพื่อแสดงความฉลาดของเขา แต่ก็นึกออกแค่เพียงเสนอให้มีทางหนีฉุกเฉิน

ในตอนนั้นพ่อหัวเราะในความคิดของเขา เพรสซิเดนท์อธิบายว่าชินระไม่มีศัตรู และต่อให้มีมันก็บุกขึ้นมาไม่ถึงห้องประธานหรอก แต่เมื่อเห็นรูฟัสยังไม่เบาใจเท่าไหร่เพรสซิเดนท์ก็บอกกับเขาว่า เขาจะสร้างทางหนีไว้เพื่อให้รูฟัสใช้ในวันที่เขาขึ้นครองตำแหน่งประธาน ส่วนตัวเขาจะไม่ใช้มันเด็ดขาด "อย่างพ่อเนี่ยนะจะต้องหนี?"

แถมประธานชินระคนเก่ายังเขียนสัญลักษณ์ตัว L ไว้ที่ปุ่ม มาจาก Loser (ไอ้ขี้แพ้) ซึ่งคนอย่างเขาไม่มีวันกดปุ่มนี้แน่ๆ แม้จะดูผยองแต่ประธานชินระก็เสียชีวิตในห้องนี้โดยไม่คิดหนีดังที่เขาเคยบอกไว้กับลูกชาย และนั่นก็ทำให้รูฟัสได้มีโอกาสใช้ทางออกที่ว่าในยามจำเป็นนี้ด้วย ตอนที่ลงมาในช่องลมรูฟัสได้มีเวลาทบทวนทั้งชีวิตที่ผ่านมา แล้วเขาก็พบว่าเขาก็เป็นเพียงเด็กผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ต้องการก้าวข้ามพ่อเพียงเพื่อให้พ่อของเขาเอ่ยปากชม แต่เขาก็ไม่ได้รับโอกาสนั้นจนกระทั่งวาระสุดท้ายของพ่อ อย่างไรก็ดีทุกอย่างที่ผ่านมามันก็ทำให้เขามาได้ถึงตอนนี้

รูฟัสซี่โครงหักตอนที่ไถลลงมาในช่องลม ในห้องนิรภัยนี้มียาที่พ่อของเขาเตรียมไว้ให้อีกต่างหาก ประตูห้องนี้ล็อคหนาแน่น ต้องใช้รหัสที่มีเพียงพ่อของเขาที่รู้ รูฟัสลองไปหลายเลขประตูก็ยังไม่เปิด แล้วเขาก็นึกถึงเลขๆหนึ่งขึ้นมา เป็นเลขที่เขาไม่อยากแม้แต่จะลอง เพราะถ้ากรอกเลขชุดนี้ลงไปก็เท่ากับยอมรับความพ่ายแพ้ต่อพ่อของเขา แต่รูฟัสก็เลิกสนใจเรื่องศักดิ์ศรีอะไรนั่นแล้ว เขากรอกเลขลงไปแล้วประตูก็เปิดออก

เลขนั้นคือเลขวันเกิดของรูฟัส

เพรซสิเดนท์ชินระใช้เลขวันเกิดของลูกชายเขาโดยที่รูฟัสไม่เคยคิดว่าพ่อเขาจะจำได้ด้วยซ้ำ ทั้งที่มันเป็นตัวเลขที่เพรซสิเดนท์ไม่มีวันลืม เขาเจ็บใจที่ต้องยอมรับว่าพ่อรักเขาจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะแคร์เรื่องแบบนั้นแล้ว เขาเลิกคิดที่จะก้าวข้ามพ่อ ตึกชินระเป็นเหมือนปราการที่พ่อสร้างไว้เพื่อเขา แต่วันหนึ่งลูกชายก็ต้องออกจากบ้านไปมีบ้านของตนเอง ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการทำมากที่สุดคือการฟื้นฟูโลกกลับมา

เรโนและรู้ด เติร์กของชินระได้เข้ามาช่วยพาตัวเขาไปยังเมืองคาล์มก่อนเมเทโอตกลงมา ซึ่งรูฟัสก็สั่งให้พวกเติร์กสี่คน (เส็ง เอเลน่า เรโน รู้ด) ช่วยอพยพผู้คนในมิดการ์ เป็นการไถ่บาปที่เขาก่อขึ้น แม้บริษัทจะแทบไม่เหลืออะไรแล้วแต่เติร์กก็ยังคงรับใช้รูฟัสอย่างสุดความสามารถ การที่รูฟัสยังมีชีวิตอยู่มอบความกล้าให้แก่พวกเขา ตัวรูฟัสก็คือชินระ ตราบใดที่ชินระยังอยู่หน้าที่ของเติร์กก็ยังไม่จบสิ้น

เยียวยาโลกใบนี้

เหตุการณ์เมเทโอผ่านพ้นไป โลกรอดจากเมเทโอมาได้ แต่พื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะมิดการ์เสียหายอย่างหนักจากไลฟ์สตรีมที่พุ่งขึ้นมาหยุดยั้งเมเทโอ

หลังเมเทโอตก 1 วัน ระหว่างที่เติร์กไปตรวจสอบสถานการณ์ในมิดการ์ รูฟัสที่พักอยู่ที่เมืองคาล์มถูกกลุ่มชาวบ้าน นำโดยมุตเตน ไคลีเกต อดีตทหารของชินระบุกเข้ามาลักพาตัวไปขังในคฤหาสน์ของเขา คนเหล่านี้โกรธแค้นชินระ และคิดว่าจะต้องหาผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น (เลยมาลงกับรูฟัสซะงั้น) แต่รูฟัสใช้วาทศิลป์อันเป็นเลิศ พยายามบอกให้พวกชาวบ้านนึกถึงอนาคตต่อจากนี้ และตัวเขายังจำเป็นต่อการออกนำผู้คนในการสร้างอนาคตที่ว่า ซึ่งตัวมุตเตนเองก็สนใจอยู่ไม่น้อย

หลังจากนั้นมุตเตนได้ศึกษาแผนการพัฒนาเมืองใหม่ขึ้นใกล้กับมิดการ์กับรูฟัส ตั้งแต่การปรับพื้นที่ หาวัสดุ รวมทั้งรหัสเข้าคลังอุปกรณ์ของชินระเพื่อนำอุปกรณ์ไปใช้ก่อสร้าง นอกจากกองทหารลูกน้องของมุตเตนแล้วยังมีอาสาสมัครมาช่วยสร้างเมืองใหม่นี้มากมายจนดูเป็นรูปเป็นร่าง เมืองนี้ถูกเรียกว่า "เอดจ์" แล้วชาวมิดการ์บางส่วนที่อพยพไปอยู่เมืองคาล์ม หรือปักหลักอยู่ในซากเมืองมิดการ์ก็เริ่มย้ายถิ่นฐานมาอาศัยยังเมืองเอดจ์ที่ว่านี้ แต่ชีวิตของรูฟัสก็ยังคงอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม เขารู้ว่าถ้าบอกแผนการพัฒนาจนหมดเปลือกเมื่อไหร่เขาคงถูกมุตเตนฆ่าตาย ขณะเดียวกันพวกเติร์กก็ออกตามหาเจ้านายที่หายตัวไปอย่างสุดความสามารถ

วันหนึ่งกลุ่มของมุตเตนเกิดมีปากเสียงกัน มุตเตนถูกชายคนหนึ่งยิงตาย และต่อมาชายคนนั้นก็ถูกคิลมิสเตอร์ อดีตนักวิทยาศาสตร์ของชินระยิงตายอีกทอด คิลมิสเตอร์ทำหน้าที่เป็นหมอประจำเมืองคาล์มมาพักใหญ่ เขาต้องการให้รูฟัสช่วยทำอะไรให้เขาสักอย่าง แล้วก็พารูฟัสขึ้นรถบรรทุกมาพร้อมชาวบ้านเก้าคน คนพวกนี้มีโรคจีโอสติ๊กม่าซึ่งมีของเหลวสีดำไหลออกจากร่าง พวกเขาเชื่อว่าคิลมิสเตอร์จะช่วยชีวิตพวกเขาได้ หลังจากถูกเวพ่อนยิงชีวิตของรูฟัสต้องเจอเรื่องแย่ๆสารพัด เขาคิดว่าต่อให้เขาถูกพาไปที่ไหนก็คงไม่เลวร้ายไปกว่าที่เคยเจอแล้วหละ ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึงถ้ำริมชายหาดหิน

รูฟัสรวมทั้งคนป่วยคนอื่นๆถูกนำตัวมาไว้ในถ้ำ คิลมิสเตอร์เอาบันไดทางขึ้นออก ไม่ให้คนป่วยหนีออกไปข้างนอกได้ แม้คิลมิสเตอร์จะอ้างว่าเขาเป็นหมอซึ่งต้องการทำให้จีโอสติ๊กม่าหมดไปจากโลกนี้และคนอื่นๆเชื่อแบบนั้น แต่รูฟัสก็ยังข้องใจพฤติกรรมของเขาที่ดูคล้ายนักวิทยาศาสตร์โรคจิตอย่างโฮโจมากกว่า คิลมิสเตอร์พบว่าในตัวผู้ป่วยมีเซลล์แบบเดียวกับที่อยู่ในร่างของโซลเยอร์ นั่นคือ "เศษเซลล์ของเจโนวา" เขาต้องการให้รูฟัสช่วยบอกเติร์กให้หลีกทางให้เขาเข้าไปเอาอุปกรณ์ของโฮโจมาใช้ในการทดลองได้ อันที่จริงเขาอยากได้เซลล์ของเจโนวาด้วย แต่รูฟัสเองก็ไม่รู้ว่ามันยังเหลืออยู่บนโลกนี้อีกหรือเปล่า

หลายเดือนผ่านไป คนป่วยหลายคนเสียชีวิตลงโดยไม่มีวี่แววว่าคิลมิสเตอร์จะรักษาโรคนี้ได้ คิลมิสเตอร์เสพติดยากระตุ้นเพื่อให้ทำงานหนักได้ และมันยังเป็นยาตัวเดียวกับที่เขาใช้บรรเทาอาการผู้ป่วย คิลมิสเตอร์สั่งรูฟัสให้เขียนจดหมายบอกพวกเติร์กให้เอายากระตุ้นให้เขา แล้วก็เดินทางเข้ามิดการ์ไปหลายวันโดยทิ้งผู้ป่วยอยู่ในถ้ำ โชคไม่ดีที่ช่วงนั้นฝนเทลงมาหนักมากจนน้ำท่วมถ้ำ รูฟัสพยายามช่วยผู้ป่วยคนอื่นๆแบบที่ตัวเขาไม่เคยทำมาก่อน ระหว่างที่เขาทำแพเพื่อให้คนที่ขยับตัวไม่ไหวขึ้นไปนอนข้างบนนั้น ของเหลวสีดำที่ปนเปื้อนเซลล์ของเจโนวาก็ไหลเข้าร่างเขาไป

รูฟัสติดโรคจีโอสติ๊กม่าแล้ว แต่ตอนนี้ที่สำคัญกว่าคือเขาต้องเอาตัวรอดจากน้ำท่วมถ้ำให้ได้

คิลมิสเตอร์กลับมาพร้อมพวกเติร์กที่แอบสะกดรอยตามมา คนป่วยจากในถ้ำที่รอดจากน้ำท่วมครั้งนี้มีเพียงรูฟัสและชายอีกคนที่ชื่อจู๊ด โดยพาเมล่าแฟนของเขาที่อาการหนักมากถูกคิลมิสเตอร์ยิงจมน้ำลงไป โดยให้เหตุผลว่า "ฉันแค่ช่วยให้เธอไปสบาย" จู๊ดโกรธแค้นมาก แต่รูฟัสบอกเขาว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะเขาเองก็ยังต้องการให้คิลมิสเตอร์ช่วยเขารักษาโรคนี้อยู่

เติร์กพาทุกคนมายังบ้านพักริมผา ที่ชินระสร้างไว้เป็นที่พักพนักงาน พวกเขาปรับที่นี่เป็นสถานพยาบาลผู้ป่วย แม้จะยังมีพวกที่พยายามให้ชินระรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ แต่การที่ชินระคอยแบ่งปันเชื้อเพลิง, เครื่องมือ และยารักษาโรคให้ผู้คนก็ทำให้ชาวบ้านต่อต้านชินระน้อยลง

คิลมิสเตอร์เล่าผลการศึกษาโรคให้รูฟัสฟังว่า จีโอสติ๊กม่าเกิดจากยีนส์ของเซฟิรอธ และคนที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายจะรับโรคนี้เข้าไปเต็มๆ คนที่อาการกำเริบอย่างรูฟัสคงไม่สามารถเยียวยาได้แล้ว ส่วนคนที่ยังแข็งแรงอยู่ถ้าทำใจให้เข้มแข็งเข้าไว้ก็คงไม่เป็นไร แถมคิลมิสเตอร์ยังหลุดปากถึงแผนที่จะหาเซลล์เจโนวาเพื่อเอามาสร้างสิ่งที่เหนือกว่าเซฟิรอธ สานต่อความตั้งใจของเขาตั้งแต่ตอนอยู่ฝ่ายวิทยาศาสตร์กับโฮโจแต่ถูกโฮโจปฏิเสธโปรเจ็คต์ของเขา

...ในเมื่อเล่าเรื่องโรคนี้มาหมดเปลือกแล้วรูฟัสจะเก็บหมอนี่ไว้ทำไมล่ะ? ว่าแล้ววันต่อมารูฟัสก็ส่งปืนให้จู๊ดยิงคิลมิสเตอร์ทิ้งให้สมแค้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกหนึ่งประการคือการปกป้องเซลล์ของเจโนวาจากคนอย่างคิลมิสเตอร์ ที่อาจสร้างสิ่งที่น่ากลัวกว่าเซฟิรอธขึ้นมาอีก นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันหายนะที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

รูฟัสสั่งให้เติร์กไปนำเซลล์ของเจโนวาที่เหลืออยู่ในเครเตอร์ตอนเหนือมาเก็บไว้กับตัว ซึ่งเขาก็คิดถูก พวกชายผมเงินที่กำเนิดจากเจตจำนงของเซฟิรอธได้ออกตามหาเซลล์ตามสัญชาติญาณรียูเนี่ยนของเจโนวา และเข้ามายังเมืองเอดจ์ พวกมันคิดว่าอนุสาวรีย์เมเทโอกลางเมืองเอดจ์เป็นที่ๆชินระซ่อนเซลล์ไว้ จึงบุกเข้าเมืองและเรียกบาฮามุทซินออกมาอาละวาด แต่อวาลันช์ก็กลับมาร่วมมือกับพวกเติร์กต่อสู้และกำจัดทั้งบาฮามุทและกลุ่มชายผมเงินได้ในที่สุด สุดท้ายดวงดาวก็ได้ช่วยเยียวยาจีโอสติ๊กม่าให้กับผู้คนรวมทั้งตัวรูฟัสเองด้วย

แม้สิ้นยุคที่ชินระยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าไปแล้ว แต่เติร์กก็ยังคงทำหน้าที่รับใช้รูฟัส ชินระ ต่อไป พวกเขาไม่สามารถคิดถึงชีวิตที่ไม่ได้ทำหน้าที่เติร์กได้

และชินระก็ยังคงจำเป็นสำหรับยุคสมัยหลังจากนี้...


Trivia

  • อายุของรูฟัสไม่ถูกเปิดเผยในข้อมูลตัวละครต่างๆ แต่ใน Case of Shinra ช่วงต้นเขานึกถึงอดีตเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนั้นเขาอายุได้ 5 ปี อนุมานได้ว่าใน FFVII นั้นรูฟัสอายุประมาณ 25 ปี

  • พ่อของรูฟัสมีชื่อว่าเพรสซิเดนท์ นามสกุลชินระ (プレジデント神羅)

  • รูฟัสสั่งให้เติร์กสร้างอนุสาวรีย์เมเทโอขึ้นกลางเมืองเอดจ์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ประกาศให้ผู้คนรู้ว่า "นี่คือเมืองของชินระ" ไม่ใช่ของมุตเตนที่ไปหลอกชาวบ้านมาสร้างเมืองให้ตัวเอง บนอนุสาวรีย์ได้จารึกวันที่เมเทโอตกลงมาไว้ด้วย (21/01/0008)

  • ใน Advent Children อาการกระดูกหักของรูฟัสหายดีแล้ว แต่เขาแกล้งทำเป็นนั่งรถเข็นและเก็บเซลล์เจโนวาที่เติร์กหามาไว้กับตัว

  • บ้านพักริมผาในนิยายถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Healin Lodge ตามที่เห็นใน Advent Children (และแก้เป็น Healen Lodge ใน Advent Children Complete ในขณะที่ใต้ชื่อยังคงเขียนว่า Geostigma Senatorium in love of silence) ซึ่งรูฟัสใช้เป็นสถานที่พักฟื้นขณะเดียวกันก็คิดถึงอนาคตที่เขาจะเยียวยาโลกใบนี้ด้วย

  • ข่าวชินระแจ้งว่ารูฟัสออกเดินทางเจรจาธุรกิจต่างประเทศ หลังจากนั้น 2 เดือนอวาลันช์ก็เริ่มเปิดฉากเล่นงานชินระใน Before Crisis (คงไม่ต้องสงสัยว่าจริงๆแล้วรูฟัสไปทำอะไรกันแน่)

  • ประธานชินระมีลูกนอกสมรสคือลาซาร์ด โดยแม่ของลาซาร์ดเป็นผู้หญิงในสลัมที่ถูกประธานชินระทอดทิ้งก่อนมีรูฟัสกับหญิงอีกคนหนึ่ง อีกทั้งรูฟัสยังได้รับเลือกให้เป็นรองประธานตั้งแต่อายุน้อย ความน้อยใจของลูกเมียน้อยบวกกับความโกรธแค้นที่มีต่อประธานชินระทำให้เขาฉวยโอกาสร่วมมือกับฮอลันเดอร์เพื่อโค่นล้มชินระ (มีลูกกี่คนหักหลังพ่อหมด :P)

  • ใน Crisis Core ตอนค้นออฟฟิศของลาซาร์ดนั้นทหารจะบอกว่าลาซาร์ดดูคล้ายกับรองประธาน (รูฟัส) ด้วย

  • รูฟัสมักทำงานเบื้องหลังเกือบทุกภาคที่เขาเกี่ยวข้อง ใน Before Crisis รูฟัสเป็นคนสนับสนุนเงินทุนและข่าวสารให้แก่อวาลันช์ให้โค่นล้มชินระ ใน Crisis Core ยุฟฟี่เล่าว่ามีชายผมบลอนด์คนหนึ่งนำข้อมูลโซลเยอร์มาให้พ่อของเธอที่เป็นศัตรูของชินระ ซึ่งผู้ต้องสงสัยก็มีเพียงลาซาร์ดหรือไม่ก็รูฟัส แต่ก็ยังไม่มีการระบุชัดเจน (แต่คนอยู่เบื้องหลังอวาลันช์ในวูไทนี่รูฟัสแน่ๆละ) หลังกลับตัวกลับใจแล้วใน Dirge of Cerberus ยังว่ากันว่าคนที่เป็นคนให้ทุนสนับสนุน WRO ของรีฟก็คือรูฟัสอีกนั่นแหละ เหตุผลที่เขาสนับสนุน WRO ก็เพื่อ "ตอบแทนดวงดาวที่มอบอะไรให้เขามากเหลือเกิน" โดยคุณคิตาเสะใบ้ว่าคนๆนี้ ก็พูดประโยคคล้ายๆกันนี้ใน Advent Children นะ แม้จะอ้างว่าต้องการใช้หนี้ดวงดาว แต่ถึงยังงั้นทีมงานก็ย้ำว่าหมอนี่อาจมีเป้าหมายอย่างอื่นในอนาคตอีกก็ได้...

  

<กลับไปหน้าหลัก>


Web Content by Shiryu
This site is best viewed in Firefox with a resolution of 1024x786