 |
Angeal Hewley
アンジール・ヒューレー
เพศ : ชาย
วันเกิด : ไม่ทราบ
อายุ : ประมาณ 25 ปี ตอนเริ่มต้น
Crisis Core
กรุ๊ปเลือด : ไม่ทราบ
สถานที่เกิด : ไม่ทราบ
ส่วนสูง : ไม่ทราบ
อาวุธ : ดาบ
|
แองจีลใช้ชีวิตในวัยเด็กที่บาโนร่า หมู่บ้านเล็กๆ
ที่อยู่ในความดูแลของชินระ แต่กระนั้นจิลเลียนแม่ของเขาและพ่อก็ใช้ชีวิตโดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือใดๆจากชินระ
และอยู่อย่างครอบครัวยากจนอันสงบสุข เขามีเพื่อนข้างบ้านที่ชื่อเจเนซิส
เป็นลูกชายเจ้าของที่ดินของบาโนร่าและค่อนข้างมีฐานะ
แม้ฐานะครอบครัวจะแตกต่างกันแต่ทั้งสองก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ชินระมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของชาวบาโนร่า
โดยเฉพาะกองกำลังโซลเยอร์ที่เก่งกาจ นั่นทำให้ทั้งเจเนซิสและแองจีลปรารถนาจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในโซลเยอร์ด้วย
เจเนซิสยกย่องเซฟิรอธ สุดยอดโซลเยอร์ของชินระที่เป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขา
หลังจากเจเนซิสสมัครเข้าชินระไม่นาน แองจีลก็ตามเพื่อนของเขาเข้าร่วมโซลเยอร์
โดยที่ทั้งสองไม่รู้ว่ามันจะทำให้พวกเขากลับมาสู่ความเป็นจริงของต้นกำเนิดอันดำมืด
ที่พ่อแม่ของพวกเขาพยายามปิดบังมาตลอด...
ถึงกระนั้นครอบครัวของแองจีลก็ยังสนับสนุนให้เขาเจริญก้าวหน้าในฐานะโซลเยอร์
พวกเขาได้กู้หนี้ยืมสินเพื่อสั่งตีดาบบัสเตอร์ซอร์ดเป็นอาวุธประจำตัวของลูกชาย
หลังจากนั้นไม่นานพ่อของแองจีลที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อใช้หนี้ก็ล้มป่วยและเสียชีวิตไป
แองจีลจึงยึดเอาดาบนี้เป็นตัวแทนเกียรติภูมิของครอบครัวและพยายามรักษามันไว้เป็นอย่างดีไม่ยอมเอามาใช้งาน
ด้วยความเก่งกาจทำให้แองจีลก้าวหน้าในฐานะโซลเยอร์อย่างรวดเร็ว
เขา เจเนซิส และเซฟิรอธ กลายเป็นสามโซลเยอร์ 1st
class ในตำนาน ที่โด่งดังและมีแฟนคลับไปทั่วโลก แองจีลเป็นแบบอย่างที่ดีและมีความเป็นผู้นำสูงกว่าอีกสองคน
จึงเป็นที่ยกย่องและถูกคาดหวังจากโซลเยอร์ระดับต่ำกว่า หนึ่งในนั้นคือ
แซ็ค แฟร์ โซลเยอร์ 2nd class
รุ่นน้องของเขาที่เรียนรู้ทั้งด้านการต่อสู้ การฝึกฝนจิตใจ
และคติการดำเนินชีวิตจากแองจีล เขามีคำสอนที่แซ็คยึดเป็นคติประจำใจว่า
"จงยึดมั่นในความฝันเข้าไว้ ถ้านายต้องการเป็นวีรบุรุษละก็
นายจะต้องมีความฝันและเกียรติภูมิ"

โฉมหน้าที่แท้จริงของโซลเยอร์ |
สงครามวูไทได้ปะทุขึ้น ไม่นานก็มีข่าวว่าเจเนซิสได้ออกจากชินระและพาโซลเยอร์จำนวนหนึ่งออกไปด้วย
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่แองจีลก็ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติภารกิจที่วูไทพร้อมกับแซ็คแทนเจเนซิส
พวกเขาเป็นทีมหลักเข้าไปถล่มป้อมแทมบลิน ที่มั่นหลักของกองกำลังวูไท
แม้จะมีทหารวูไทจำนวนมาก รวมทั้งมีมอนสเตอร์ยักษ์ที่เลี้ยงไว้รับมือโซลเยอร์โดยเฉพาะ
แต่ด้วยฝีมือของแซ็คและแองจีลแล้วภารกิจก็สำเร็จลงอย่างไม่ยากเย็นนัก
ลาซาร์ด ดิวเซริคุส ผู้บัญชาการโซลเยอร์ที่ตามมาก็พึงพอใจในผลงานของพวกเขา
แต่หลังภารกิจได้มีกองทหารลึกลับเข้าโจมตีพวกเขา แองจีลจึงสั่งให้แซ็คพาลาซาร์ดหนีออกไปในขณะที่เขารับมือศัตรู
แองจีลสามารถกำจัดพวกมันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่เขาก็พบกับความจริงว่าทหารเหล่านี้คือก๊อปปี้ของเจเนซิสเพื่อนของเขาที่หายสาบสูญไป
แล้วแองจีลก็มีความคิดจะพาตัวเพื่อนของเขากลับมาให้ได้
นั่นทำให้เขาประกาศแยกทางกับชินระ เพื่อซื้อใจเจเนซิส
ทุกคนในชินระคิดว่าแองจีลคงหักหลังองค์กรตามเจเนซิสไปอีกคน
มีเพียงแซ็คที่ยังคงเชื่อว่าแองจีลต้องมีเหตุผลที่เขาทำแบบนั้น
หลังได้พบกับเจเนซิส แองจีลได้รับรู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของตนเองว่าแท้จริงแล้วพวกเขาถูกสร้างขึ้นมาในเจโนวาโปรเจ็คต์ของชินระที่เรียกว่าโปรเจ็คต์
G (โปรเจ็คต์จิลเลี่ยน)
โดยการฉีดเซลล์ของเจโนวา
สิ่งมีชีวิตที่ชินระขุดพบในชั้นหินอายุสองพันปีและเชื่อว่าเป็นชาวเซทรา
เข้าในร่างของจิลเลี่ยน จากนั้นนำเซลล์ของจิลเลี่ยน
ฉีดเข้าร่างของหญิงผู้ให้กำเนิดเจเนซิส รวมทั้งจิลเลี่ยนได้มีลูกกับฮอลันเดอร์
นักวิทยาศาสตร์ของชินระ ให้กำเนิดแองจีลออกมา
ทำให้ความสามารถบางอย่างของเจโนวาถ่ายทอดมายังแองจีลและเจเนซิส
แต่ผลการทดลองไม่เป็นอย่างที่ชินระต้องการเนื่องจากเซลล์ในร่างของทั้งสองคนยังมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสภาพของเจโนวาทำให้เกิดการเสื่อมสลายที่ร่างกายจะค่อยๆเสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆโดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงลักษณะผิว
กล้ามเนื้อ และสีผม เจเนซิสมีสภาพดังกล่าว ในขณะที่แองจีลที่มีเซลล์ที่สมบูรณ์กว่า
(เนื่องจากปฏิสนธิในร่างจิลเลี่ยนโดยตรง) ไม่เกิดการเสื่อมสลาย
แต่เมื่อถ่ายทอดเซลล์ไปยังโฮสต์อื่นแล้วจะเกิดการเสื่อมสลายในโฮสต์นั้น
หลังโปรเจ็คต์
G
ล้มเหลว จิลเลี่ยนได้พาตัวแองจีลหนีออกจากชินระ
แต่ถูกจับกุมไว้ได้และส่งตัวมายังบาโนร่า
เธอได้พบกับชายคนหนึ่งและแต่งงานกัน ในขณะที่เจเนซิสถูกส่งไปให้เจ้าของที่ดินที่บาโนร่าเลี้ยงดู
พวกเขาร่วมกันปกปิดเรื่องต้นกำเนิดที่แท้จริงของเด็กทั้งสองและใช้ชีวิตอย่างปกติเรื่อยมา
จนกระทั่งเจเนซิสรู้เรื่องนี้เข้าจากฮอลันเดอร์
พวกเขาก็พากันออกจากชินระมา
เกียรติภูมิที่แองจีลสั่งสมมาแทบพังทลายไปหมดสิ้น
เขาเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าตนเองแท้จริงแล้วเป็นเพียงมอนสเตอร์ที่ถูกชินระสร้างขึ้น
เจเนซิสได้สังหารครอบครัวของตนเองที่ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด ในขณะที่จิลเลี่ยนเลือกที่จะจบชีวิตของตนเองลง
ก่อนที่ชินระจะขนอาวุธมาถล่มบาโนร่าราบเป็นหน้ากลองเพื่อปกปิดหลักฐานที่จะนำความเสื่อมเสียมายังบริษัท
แม้จะไม่มีสภาพเสื่อมสลายเหมือนเจเนซิส แต่แองจีลก็มีปีกสีขาวงอกขึ้นบนหลัง
และฮอลันเดอร์ได้ใช้เซลล์ของแองจีลสร้างมอนสเตอร์ขึ้นมากมาย
ทำให้เขาเจ็บปวดกับความเป็นมอนสเตอร์โดยกำเนิดของตนเอง แองจีลได้พบกับแซ็คอีกครั้งบนเพลทของมิดการ์เขต
5 ซึ่งแซ็คได้พยายามบอกกับแองจีลว่าปีกสีขาวไม่ใช่ปีกของมอนสเตอร์
แต่เป็นปีกของทูตสวรรค์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ช่วยให้แองจีลเบาใจแต่อย่างใด
เพราะเขาต้องการเป็นมนุษย์มากกว่า
"ความฝันของทูตสวรรค์น่ะมีเพียงหนึ่งเดียว...
นั่นคือการได้เป็นมนุษย์"
แองจีลซัดแซ็คตกลงไปด้านล่าง
แม้จะคับแค้นในชาติกำเนิดของตนเอง แต่ใจจริงของแองจีลก็ยังตั้งมั่นรับใช้ชินระอยู่
เขาเคยช่วยให้แซ็คปฏิบัติภารกิจปราบโคลนของเจเนซิสที่บุกตึกชินระ
รวมทั้งบอกให้แซ็ครู้ว่าเจเนซิสและฮอลันเดอร์กบดานอยู่ที่โมเดโอไฮม์ด้วย
แองจีลรอเฝ้าแซ็คอยู่ที่โมเดโอไฮม์ การที่เขาบอกให้แซ็คไปจัดการเจเนซิสนั้นนอกจากเป็นการปลดปล่อยเจเนซิสเพื่อนรักแล้วยังเป็นการเตรียมแซ็คให้พร้อมสำหรับศึกต่อไป...
นั่นคือการต่อสู้กับตัวเขา
จุดประสงค์หลักของแองจีลคือการปิดฉากชีวิตน่าอัปยศของตนเองลงด้วยมือของแซ็ค
หลังจากแซ็คสามารถจัดการเจเนซิสได้ตามที่แองจีลต้องการแล้ว
เขาก็รวมร่างกับมอนสเตอร์ก๊อปปี้ของตนเองทั้งหมดเข้าสู้กับแซ็ค แม้แซ็คจะจำใจต้องสู้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แต่โซลเยอร์หนุ่มคนนี้เติบโตและเก่งกาจสมดังที่แองจีลตั้งใจไว้
แล้วการต่อสู้ก็จบสิ้นลงโดยแซ็คเป็นฝ่ายชนะ

ก่อนแองจีลจะหมดลมหายใจ เขาได้กล่าวขอบคุณและมอบบัสเตอร์ซอร์ดให้แก่แซ็ค
เป็นการส่งต่อเจตนารมณ์ของตนเองให้คนรุ่นต่อไปพร้อมกับคำพูดสุดท้าย
"ขอให้ปกป้องเกียรติภูมิของนายไว้ตลอดไปนะ...."
แม้จะจบชีวิตลงไปแล้ว แต่เจตจำนงของแองจีลได้ถูกสืบทอดต่อมาไม่รู้จบ
แซ็คได้ยึดเอาคำสอนของแองจีลเป็นหลักในการดำเนินชีวิตและสั่งสอนรุ่นน้องต่อไป
ในขณะที่ก๊อปปี้ของแองจีลบางตัวก็คอยเฝ้าดูแลแซ็คและแอริธ เกนสโบรู
คนรักของแซ็ค ตามคำสั่งของแองจีลที่ตอนนี้เหมือนกับเฝ้าดูอยู่ห่างๆจากโลกอันแสนไกล
แม้แต่ตัวลาซาร์ดเอง หลังรับเซลล์ของแองจีลเข้าไปในร่างก็เกิดความรู้สึกต้องการช่วยเหลือดวงดาวขึ้น
แซ็คได้ช่วยปลดเปลื้องแองจีลจากความอัปยศและไปถึงอิสรภาพแล้ว
แต่ตัวเขาเองกลับต้องเข้ามาอยู่ในวังวนของการต่อสู้และด้านมืดของชินระ
ครั้งหนึ่งแซ็คได้ต่อสู้กับเซฟิรอธจนหมดสติและถูกชินระจับมากักตัวไว้ที่ห้องทดลองในนีเบิ้ลไฮม์
เขาคิดถึงคำสั่งสอนของแองจีลและรู้ตัวว่าตัวเองไม่ควรมาจบสิ้นเพียงเท่านี้
เขาควรไปให้ถึงท้องฟ้าที่เขาใฝ่ฝันไว้ จึงหนีออกมาพร้อมคลาวด์ สไตรฟ์
เพื่อนทหารที่ประสบชะตากรรมเดียวกันมา ตอนนี้แซ็คถูกประกาศจับตายโดยชินระในฐานะผู้หลบหนี
แม้จะต้องเผชิญกับกองทหารนับพัน แต่แซ็คก็ยังคงเข้าสู้โดยยึดคำสอนของแองจีล
"จงโอบล้อมความฝันเอาไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ขอจงปกป้องเกียรติภูมิของโซลเยอร์! ....เข้ามาเล้ย!!"
แล้วเขาก็เข้าต่อสู้กับทหารนับพันเป็นเวลานาน สุดท้ายแซ็คก็หมดแรงล้มลง
เขาได้มอบบัสเตอร์ซอร์ด รวมทั้งถ่ายทอดเกียรติภูมิของแองจีลต่อไปยังคลาวด์แล้วจบชีวิตลง
แองจีลลงมารับรุ่นน้องผู้นี้ขึ้นไปยังฟากฟ้าด้วยกัน
ในฐานะผู้ออกเดินทางอย่างมีอิสรภาพ

Conceptual Design & Early
Materials
-
แองจีลนำแบบมาจากแบบแรกของคลาวด์
ซึ่งคุณโนมุระได้ออกแบบไว้ในขั้นตอนพัฒนาเกม FFVII
มีผมสีดำเสยไปด้านหลัง แต่คลาวด์เปลี่ยนเป็นผมทองชี้โด่เด่ดังเช่นในปัจจุบัน
และนำแบบผมดำดั้งเดิมนี้มาเป็นแบบของแองจีลในภายหลัง
-
แองจีลเป็นผู้มีเซลล์เจโนวาเพียงคนเดียวที่มีปีกสีขาว
เขามีปีกสองอัน (ใหญ่-เล็ก) ด้านขวา
Trivia
-
ในหนังสือ Crisis Core Ultimania เขียนนามสกุลของแองจีลว่า Hewley
(ถูก) แต่กลับเขียนนามสกุลของจิลเลียนว่า Hewrey (ผิด)
-
พ่อบุญธรรมของแองจีลแต่งงานกับจิลเลียน
โดยไม่เคยรู้ความลับเรื่องการทดลองที่สร้างแองจีลขึ้นมา
สำหรับฮอลันเดอร์ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของแองจีลนั้นได้แต่งงานกับจิลเลี่ยนหรือไม่
ยังไม่เปิดเผย
-
ชื่อของแองจีลมาจากคำว่า Angel หมายถึงนางฟ้า/เทวทูต
ขนนกสีขาวและปีกคือสัญลักษณ์ของแองจีล และเป็น 1 ใน 3 ธีมของ
Crisis Core (ท้องฟ้า, ขนนก และผืนน้ำ)
ที่หมายถึงการก้าวข้ามความยากลำบากไปสู่ท้องฟ้าเบื้องบนด้วย
-
แม้จะมีบัสเตอร์ซอร์ดเป็นอาวุธประจำกาย แต่แองจีลมักต่อสู้ด้วยมือเปล่ามากกว่า
เพราะเขาไม่อยากให้ดาบที่เป็นตัวแทนเกียรติภูมิของครอบครัวต้องผุ
บิ่น ขึ้นสนิม เขาพกดาบโซลเยอร์ติดตัวหนึ่งเล่มไว้ใช้
แต่ก็มักถูกแรงควายทำหักประจำ ใน Crisis Core เขาใช้บัสเตอร์ซอร์ดให้เห็นเพียงครั้งเดียวคือตอนช่วยแซ็คจาก
Vajradhara "ก็แกสำคัญกว่าดาบนี่ ...แต่ก็แค่นิดเดียวน่ะนะ"
ครั้งหนึ่งแซ็คและแองจีลถูกมอนสเตอร์จำนวนมากล้อม แซ็คเห็นว่าน่าจะเป็นเวลาที่แองจีลควรใช้บัสเตอร์ซอร์ดได้แล้ว
แต่แองจีลบอกว่า "ดาบนี่มันใหญ่แล้วก็ใช้ไม่ถนัดน่ะ" (ซะงั้น!)
-
ชุดของแองจีลคือชุดมาตรฐานของโซลเยอร์ 1st class
-
ท่าไม้ตายของ Angeal Penance มี 7 ท่าคือ Defense of Lust, End of
Gluttony, Charge of Greed, Rage of Sloth, Unleashed Wrath,
Thunder of Envy, และ Wings of Pride ตั้งชื่อตามบาป 7
ประการของคริสต์นิกายโรมันคาธอลิคได้แก่ Lust (ราคะ), Gluttony
(ตะกละ), Greed (โลภะ), Sloth (เกียจคร้าน), Wrath (โทสะ), Envy (ริษญา),
และ Pride (อัตตา)
-
ก๊อปปี้ของแองจีลยังสามารถรับรู้สถานการณ์ของก๊อปปี้ตัวอื่นๆได้
มอนสเตอร์ที่อยู่ในโบสถ์สลัมจึงบินมาช่วยลาซาร์ดตอนเผชิญหน้ากับทหารชินระในตอนจบ
Crisis Core ซึ่งก็ทำให้จดหมายฉบับที่ 89 ของแอริธมาถึงมือแซ็คด้วย

ก้อปปี้มอนสเตอร์ของแองจีลในโบสถ์สลัม
-
แองจีลมีแฟนคลับชื่อ "ผู้รักษาเกียรติภูมิ" จากจดหมายแฟนคลับของแองจีลมีเรื่องฮาๆมากมาย
ทั้งเรื่องที่แองจีลปลูกต้นไม้ในห้องและมีแมลงเข้ามาป่วนจนเจเนซิสรำคาญ,
นิสัยชอบถ่ายรูปขณะปฏิบัติภารกิจด้วยกล้องตัวโปรดที่เขาได้จากแม่,
ชอบเอาของเหลือๆมาทำกับข้าว และมีงานอดิเรกคือการแหย่หมา (ห๊ะ?)
คลับมีฐานะทางการเงินย่ำแย่หลังข่าวการเสียชีวิตของแองจีล
แต่ลูกชายของสาวแฟนคลับอาสาจะช่วยแม่ฟื้นฟูคลับขึ้นมาเอง
-
แองจีลจัดเป็นตัวละครนักเล่นมุกซีเรียสคนหนึ่ง
เขามีประโยคเด็ดๆติดตัวมาก แม้แต่ตอนที่คุณแม่ยังสาวแฟนคลับแองจีลคนหนึ่งออกจากบ้านเพื่อตามหาแองจีลจนทำให้ลูกชายต้องเป็นห่วง
แซ็คก็ต้องยกประโยคเด็ดของแองจีลขึ้นมาปรับใช้
"แม่ที่ไร้ซึ่งเกียรติภูมิก็ไม่ต่างอะไรจากมอนสเตอร์"
ส่วนอีกสองตัวเลือกอย่าง "หากเธอต้องการจะเป็นแม่
ก็จงยึดมั่นในความฝันเอาไว้" กับ "ลูกสำคัญกว่าน่ะ
แต่ก็แค่นิดเดียวน่ะนะ" คุณแม่ฟังแล้วงงเต้ก
(แต่อันที่จริงมันก็ฮาทั้งสามอันนะแซ็ค)
<กลับไปหน้าหลัก> |