Special Episode of Legend
MISSION 1
0001/01/10
หลังสงครามระหว่างวูไทและชินระสิ้นสุดลง
ผู้คนต่างยินดีกับสันติสุขที่ห่างหายไปกว่า 8 ปี แต่เวอร์ด็อท
ผู้นำของเติร์กเชื่อว่าการที่วูไทพ่ายแพ้ให้แก่ชินระนั้น
จะก่อให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหม่
เขาจึงต้องเตรียมการรับมือโดยเรียกชายคนหนึ่งมา
เส็งถูกเรียกมาที่สำนักงานเติร์ก
เวอร์ด็อทใช้ให้เขาไปที่คอสตาเดลโซลเพื่อเข้าพบชายที่ถูกชินระจองจำไว้ที่นั่น
เส็งรู้แต่เพียงว่าเขาถูกชินระลงโทษจากเหตุกาณ์เมื่อสองปีก่อน
และไม่คิดว่าการพาตัวเขากลับมาทั้งที่ยังถูกคาดโทษจะเป็นความคิดที่ดีเท่าไหร่
เวอร์ด็อทเล่าว่าตอนนี้มีองค์กรต่อต้านชินระเกิดขึ้นมากมาย
เติร์กต้องเตรียมกำลังคนให้พร้อมรับมือสถานการณ์
และเส็งก็ต้องรับภารกิจชวนชายคนดังกล่าวกลับมาทำหน้าที่
ทั้งที่เขายังไม่แน่ใจนัก
เมื่อมาถึงคอสตาเดลโซล
เส็งตรงไปที่บ้านที่ชายคนนี้ถูกขังอยู่แต่ก็ไม่พบใคร
เส็งเดินหาจนถึงกลางเมืองก็พบสองสาวพี่น้อง จูลี่และโรส
เส็งเอารูปถ่ายขึ้นมาถามสาวๆว่ารู้จักชายคนนี้ไหม?
พวกเธอก็หัวเราะแล้วบอกว่าเมื่่อวานเห็นเขาอยู่กับสาวชื่อเจส
และวันก่อนนั้นอยู่กับแคเทอรีน
เขาเป็นคนมีสเน่ห์และป็อปปูล่ามากๆสำหรับที่นี่
สองสาวบอกเส็งว่าเขาอยู่ที่ชายหาด
หลังเส็งออกไปแล้วพวกเธอก็คุยกันต่อว่าวันนี้ใครจะไปเดทกับเขาดี
ซึ่งเส็งก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่นักโทษคนนี้เอ็นจอยเกินไป
เส็งเดินมาถึงชายหาดพบชายใส่สูทดำคาบซิการ์
เส็งแอบย่องเข้าไปก้านหลัง
แต่ชายคนนั้นบอกว่าถ้าจะลอบเข้าด้านหลังศัตรูต้องทำฝีเท้าให้เงียบแบบที่เขาถูกสอนมานะ
ชายคนนี้ (จากนี้ไปจะขอเรียกว่า "เม้พเมพ" แทนคำว่า "เติร์กในตำนาน"
เนื่องจากผมรำคาญความเมพฉิบหายของมัน)
เคยร่วมงานกับเวอร์ด็อทในอดีต
และไม่เจอกันมาตั้งแต่ภารกิจครั้งสุดท้ายในปี 1999
เส็งขอให้เขากลับมาร่วมมือกับเติร์กอีกครั้ง
แต่เม้พเมพบอกว่าเขาพอใจกับสายลมแสงแดด และสาวๆที่นี่
จะกลับไปมิดการ์ทำไม และเขาร้างจากการต่อสู้มานาน
อาจไม่เก่งเหมือนแต่ก่อนแล้วก็ได้
ทั้งสองจึงตัดสินใจต่อสู้ประลองฝีมือกัน
เส็งจะใช้กระบอกปืนปัดป้องระเบิดที่เม้พเมพโยนเข้ามา
เขาพยายามอ่านรูปแบบการโจมตีและหาทางเอาชนะ
แม้เส็งจะพัฒนาขึ้นแต่ชายคนนี้ยังคงเร็วและแข็งแกร่งเกินไป
หลังสู้ไปได้สักพัก
เม้พเมพก็บอกกับเส็งว่าเขานึกถึงตอนที่พบกันครั้งแรก
แล้วเส็งก็นึกถึเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นมา
MISSION 2
1999/10/11
ในช่วงสงครามวูไท
เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษคนหนึ่งได้แสดงความสามารถที่เหนือชั้นกว่าเติร์กคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
เขาเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มต่อต้านชินระในช่วงต้นของสงคราม
มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน
และมีบทบาทต่อทั้งสองฝั่งเป็นอย่างมากในสงครามครั้งนี้
ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขา แต่พวกทหารของชินระเรียกเขาว่า "เทพมรณะแห่งสมรภูมิ"
เป็นที่หวาดกลัวทั้งต่อศัตรูและพวกเดียวกัน
ด้วยความเก่งกาจในการต่อสู้ทำให้เขาเป็นเหมือนวีบุรุษของพวกเติร์ก
ได้แรงค์ระดับ Super First Class และถูกขนานนามว่า "ตำนาน"
แต่ทุกคนก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาทำงานให้ชินระอยู่หรือเปล่า
เวอร์ด็อทยืนอยู่กับเม้พเมพหน้าสำนักงานเติร์ก
เขาเล่าให้ชายคนนี้ฟังว่าเขาเคยเข้าร่วมภารกิจกับเส็งสมัยที่เส็งเข้ามารับงานเติร์กครั้งแรก
พอเส็งเจอหน้าเม้พเมพเขาก็จำได้ว่าคนๆนี้คือเทพมรณะ
และชี้ปืนไปที่เม้พเมพพร้อมบอกว่าเมื่อสามปีก่อน
คนๆนี้ได้ก่ออาชญากรรมที่ไม่สามารถยกโทษให้ได้
เวอร์ด็อทบอกให้เส็งลดปืนลง
เม้พเมพยั่วว่าถึงเส็งอยากจะฆ่าเขาแต่ก็ยังคงต้องทำตามคำสั่ง
และคนที่หันปืนใส่พวกเดียวกันก็มีแต่พวกอ่อนแอเท่านั้นแหละ
ทำเอาเวอร์ด็อทต้องรีบห้ามเส็งที่ชักปืนขึ้นมาอีกครั้ง
เวอร์ด็อทบอกว่าเขาเป็นคนเรียกเม้พเมพมาเอง
เส็งรู้ว่าชายคนนี้มีความสามารถในการต่อสู้มากตั้งแต่สมัยที่ชายผู้นี้ต่อสู้กับชินระ
ในสงครามมีศัตรูที่ไม่อาจทำลายได้
การเปลี่ยนฝั่งของสิ่งนั้นจะทำให้ศัตรูอ่อนแอลงมาก
เส็งรู้ตัวว่าเขาต้องพยายามข่มความเกลียดชังที่มีต่อชายผู้นี้
เขาแนะนำตัวกับเม้พเมพก่อนจะร่วมงานกัน
ซึ่งเม้พเมพปฏิเสธที่จะฟังคำอธิบายภารกิจจากเวอร์ด็อทแต่ขอให้เส็งคอยสนับสนุนเขาและคอยส่งข้อมูลมาทาง
PHS เป็นระยะๆ (เม้พเมพเรียกเวอร์ด็อทว่า "เด็กโข่ง"
ซึ่งเส็งฟังแล้วก็ไม่พอใจเท่าไหร่)
เม้พเมพเดินทางมาถึงกองบัญชาการทหารลับของชินระในวูไทที่ถูกศัตรูเข้ายึด
เขาได้ตรวจสอบทางลมเพื่อวางระเบิด เส็งขอทวนภารกิจอีกครั้ง
ซึ่งเม้พเมพตอบว่า "แค่ให้ช่วยเด็กโข่งที่ถูกลักพาตัวนั่น
แล้วกำจัดศัตรูให้หมดสินะ" เส็งเริ่มหงุดหงิดกับการใช้คำว่า "เด็กโข่ง"
พร่ำเพรื่อ เลยขอให้เม้พเมพเรียกตัวประกันว่า "มร.ไลเนอร์"
ซึ่งเป็นชื่อจริงของเขา
ตัวประกันคนนี้เป็นนายหน้าขายอาวุธให้กับชินระ
ประธานชินระได้สั่งให้เติร์กกำจัดศัตรูทั้งหมดก่อนข้อมูลของของกองบัญชาการนี้จะรั่วไหลออกไป
ศัตรูได้เรียกร้องให้ชินระจ่ายเงินและปล่อยตัวนักโทษในคุกโคเรลออกมา
(แต่ตามไทม์ไลน์ตอนนี้คุกโคเรลยังไม่ได้สร้าง - -")
หากชินระไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้อง
พวกมันจะเอาข้อมูลที่รีดได้จากพ่อค้าอาวุธคนนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก
เส็งเตือนว่าในกองบัญชาการมีศัตรูประมาณ 40 คน ขอให้ระวังตัวด้วย
แต่เม้พเมพชอบลุยตรงๆมากกว่าลอบโจมตี
แถมยังท้าพนันว่าเขาสามารถปฏิบัติภารกิจนี้ลุล่วงได้ภายใน 10 นาที
เส็งไม่รับพนันเพราะมันผิดต่อจรรญาบรรณเติร์ก
แต่เขาก็อยากให้เม้พเมพทำได้อย่างที่ว่าจริงๆ
Gameplay: เม้พเมพโจมตีด้วยระเบิด โดยเขาสามารถวางระเบิดเวลา
หากวางติดกันจะระเบิดเป็นลูกโซ่ (นึกถึงเกม Bomberman)
และระเบิดรีโมทที่สามารถสั่งให้มันระเบิดตอนไหนก็ได้
เม้พเมพบุกเข้าไปกำจัดศัตรูได้อย่างง่ายดาย
เส็งส่งพิมพ์เขียวแปลนตึกให้พร้อมบอกตำแหน่งที่ต้องวางระเบิดเพื่อทำลายตึกนี้
เม้พเมพขึ้นไปชั้นบนพบกับทหารที่เคยรบร่วมกับเขามาในปี 1995
แต่ในเมื่อตอนนี้เป็นศัตรูกันเม้พเมพก็เจี๋ยนอดีตเพื่อนทิ้งได้อย่างไม่ปราณี
ทหารอีกคนได้เข้ามาโจมตีเขาแล้วบอกว่าเม้พเมพถูกชินระทำให้แปดเปื้อนและยอมเป็นเติร์กสุนัขรับใช้ของชินระ
แต่เขาก็ตอบว่าสนามรบแห่งนี้ยังคงเหมือนเดิม
เพียงแต่เขาเปลี่ยนฝั่งไปก็เท่านั้น
เม้พเมพกำจัดทหารคนนี้และวางระเบิดลูกสุดท้ายเสร็จเส็งก็โทรเข้ามา
0001/01/10
ตัดกลับมาปัจจุบัน
เม้พเมพบอกว่าหลังพ้นโทษแล้วเขาจะออกจากคอสตาเดลโซล
เพราะเขาเริ่มเบื่อพวกสาวๆแล้ว
ซึ่งเส็งก็ขอให้เขาโชคดีและตัดอดีตของตนเองทิ้งให้ได้
จากนั้นเกมจะย้อยอดีตไปถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนอีกครั้ง...
1999/10/11
เม้พเมพวิ่งลุยฝ่าดงศัตรูมาเรื่อยจนมาถึงห้องที่ มร.ไลเนอร์
ถูกขังอยู่ เมื่อ มร.ไลเนอร์ เห็นเม้พเมพก็เริ่มออกพิรุธบางอย่าง
แล้วหัวหน้าศัตรูก็เดินออกมา
หัวหน้าศัตรู "เสียงระเบิดของแกยังมีเอกลักษณ์เหมือนเดิมเลยนะ"
เม้พเมพ "ไม่เจอกันนานเลยนะ"
หัวหน้าศัตรู "ไม่คิดเลยว่าเทพมรณะที่เป็นที่หวาดกลัวไปทั่วจะไปอยู่ฝั่งชินระ"
เม้พเมพ "ก็แค่ให้ยืมมือเท่านั้นแหละ"
หัวหน้าศัตรู "แม้แต่เทพมรณะก็จนมุมกับสถานการณ์แบบนี้เหมือนกันสินะ
ล้อมมันไว้!" (ทหารเข้ามาล้อมเม้พเมพ)
เม้พเมพ "ฉันมีหลักการอยู่สองอย่าง ข้อแรก
จะต้องไม่ทำให้ผู้หญิงร้องไห้ และข้อสอง จะไม่ปล่อยให้เกมจบเด็ดขาด"
หัวหน้าศัตรู "เพิ่งจะเคยได้ยินแกพูดแบบนี้เนี่ยแหละ
แกเปลี่ยนไปแล้วสินะ"
เม้พเมพกดสวิตซ์ให้ระเบิดที่เขาติดตั้งไว้ทำลายเสาค้ำตึกจนทหารที่จะเข้ามาจับเขาร่วงลงไปด้านล่าง
เหลือแค่เม้พเมพ, หัวหน้าศัตรู และ มร.ไลเนอร์
ซึ่งเม้พเมพบอกว่าเขาไม่ได้ฆ่าคนมากขนาดนี้มาตั้งแต่ปฏิบัติการต่อต้านชินระในปี
1995 แล้ว
ความสามารถในการใช้ระเบิดที่ไม่เคยด้อยลงนี่แหละที่เป็นตัวตนยืนยันได้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่บนสนามรบ
เม้พเมพกำจัดหัวหน้าศัตรูได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ก่อนตายเขาได้บอกว่าเขาได้ยินข่าวลือเรื่องที่เกิดขึ้นในการเจรจาเมื่อปี
1997 แต่ก่อนเม้พเมพจะได้เค้นเอาความอะไร
เพดานด้านบนก็หล่นมาทับหัวหน้าศัตรูม่องไปเสียก่อน
เม้พเมพแก้เชือกให้ มร.ไลเนอร์ พอแกะเชือกที่มัดปากได้ มร.ไลเนอร์ก็ด่าว่าเติร์กมาช่วยเขาช้าแล้วสั่งให้ช่วยพาเขาไปที่ๆปลอดภัย
พอได้ยินเสียงของ มร.ไลเนอร์ เม้พเมพก็รู้สึกคุ้นๆ
ชายคนนี้เปลี่ยนหน้าและชื่อของตัวเอง แต่เสียงยังคงเหมือนเดิม
เม้พเมพถามถึงเหตุการณ์เมื่อปี 1997
แต่ไลเนอร์ปฏิเสธที่จะพูดถึงในตอนนี้ทำให้เม้พเมพไม่ยอมปล่อยให้เขาออกจากอาคารที่กำลังจะถล่มลงมา
ไลเนอร์ไม่เชื่อว่าเติร์กจะยอมปล่อยให้เขาตายเพราะถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
แต่เม้พเมพไม่สนใจและปล่อยเขาไว้จนกระทั่งถูกตึกถล่มทับไป
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เม้พเมพถูกคาดโทษ
โดยการกักกันตัวไว้ที่บ้านพักในคอสตาเดลโซล
เส็งไม่ค่อยพอใจที่คนละทิ้งหน้าที่และปล่อยให้พนักงานชินระต้องตายกลับมีโทษเป็นการพักที่รีสอร์ทหรู
เวอร์ด็อทจึงอธิบายให้ฟังว่าผู้บริหารของชินระห่วงแค่ข้อมูลความลับที่จะหลุดออกจากปากของไลเนอร์
แม้จะช่วยไลเนอร์ไม่สำเร็จแต่หนนี้เขาก็สามารถปกป้องข้อมูลได้
และความเสียหายที่เกิดขึ้นก็น้อยกว่าความเสียหายจากการที่ข้อมูลรั่วไหลไปมาก
แต่เส็งก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าระดับเทพอย่างชายคนนั้นแล้วทำไมจึงต้องแกล้งทำให้ภารกิจไม่สำเร็จด้วย
เวอร์ด็อทจึงเล่าเหตุการณ์ในปี 1997 ที่เม้พเมพเคยพูดถึงให้ฟัง
ตอนนั้นกลุ่มต่อต้านชินระได้เข้ายึดเตาปฏิกรณ์และข่มขู่ชินระ
ซึ่งไลเนอร์ตอนนั้นเป็นคนขายอาวุธให้แก่กลุ่มต่อต้านที่ว่านี้
เส็งไม่รู้มาก่อนว่าไลเนอร์จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ปฏิบัติการของกลุ่มต่อต้านล้มเหลว
และมีผู้รอดชีวิตเพียงสองคนแต่ไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ
ซึ่งจริงๆก็คือไลเนอร์และเม้พเมพนี่เอง
หลังเหตุการณ์นั้นคนขายอาวุธได้เปลี่ยนชื่อเป็นไลเนอร์พร้อมทำศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าก่อนเข้ามาเจรจาธุรกิจกับชินระ
ในวันนั้นเวอร์ด็อทเดินทางไปที่เตาปฏิกรณ์เพื่อตรวจสอบสภาพและได้พบกับเม้พเมพ
เวอร์ด็อทตั้งการ์ดเตรียมรับการโจมตี
แต่เม้พเมพไม่มีทีท่าว่าจะต่อสู้แต่อย่างใด
เขากำรองเท้าสีแดงไว้ในมือก่อนพูดว่า "ฉันจะไม่ร้องไห้เพื่อครอบครัว
แต่จะไว้อาลัยให้กับวันที่พวกเขาตายไป"
หลังจากนั้นเม้พเมพก็ไม่พูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอีกเลย
เวอร์ด็อทเดาว่าไลเนอร์ได้หักหลังทำให้เพื่อนๆและครอบครัวของเม้พเมพต้องตายไป
ซึ่งเส็งก็นึกไม่ออกว่าหากเขาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเม้พเมพ
เขาจะทำแบบเดียวกันกับไลเนอร์หรือเปล่า
MISSION 3
0001/01/10
ตัดกลับมาปัจจุบัน
เส็งที่อยู่บนชายหาดของคตอสตาเดลโซลนึกถึงอดีตเมื่อสองปีที่ผ่านมา
เขาบอกกับเม้พเมพว่าตัวเขาเองไม่เคยรู้ว่าการถูกคนอื่นทรยศมันจะรู้สึกอย่างไร
เขาคิดว่าหากเพื่อนๆและคนสำคัญของเขาถูกฆ่าตายเขาอาจทำแบบเดียวกันก็ได้
ซึ่งเม้พเมพก็แปลกใจที่เส็งพูดแบบนั้น
เส็งขอแรงเม้พเมพกลับมาช่วยพวกเขา
แต่เม้พเมพย้ำว่าเขาไม่ได้บูชาชินระแบบเส็ง
โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าชินระเกี่ยวข้องกับไลเนอร์ด้วยแล้ว
เขาเซ็งกับเรื่องวุ่นๆในโลกนี้เต็มที
ผิดกับเติร์กคนอื่นๆที่เตรียมรับมือทุกสถานการณ์
และเม้พเมพก็ฝากเส็งไปบอกเด็กโข่งเวอร์ด็อทว่าเขาขอปฏิเสธการกลับไปเป็นเติร์กครั้งนี้
เขาเคยทำให้เติร์กต้องแปดเปื้อน
จึงคิดว่าควรปล่อยให้เติร์กรุ่นใหม่เข้ามาทดแทนตัวเขาดีกว่า
ซึ่งเส็งก็เข้าใจ เขาบอกว่าหากเปลี่ยนใจก็สามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ
ทั้งเวอร์ด็อทและตัวเขาต่างก็รอคอยที่จะได้ต่อสู้ร่วมกับเม้พเมพอีกครั้ง
0002/02/10
หลังสงครามวูไทก็มีกลุ่มต่อต้านชินระเกิดขึ้นมากมาย
บางกลุ่มก็แยกออกมาจากพวกวูเฉิง บางกลุ่มก็มาจากที่อื่น
ซึ่งในบรรดากลุ่มต่อต้านนี้ อวาลันช์ เป็นกลุ่มที่ร้ายกาจที่สุด
หลังอวาลันช์เริ่มก่อการเมื่อปีที่แล้ว
เติร์กก็มีหน้าที่หลักในการติดตามและควบคุมสถานการณ์
มีข้อมูลรั่วไปถึงหูอวาลันช์ว่าประธานชินระสั่งย้ายเวอร์ด็อทจากตำแหน่งผู้ดูแลเติร์กเนื่องจากภารกิจที่ไอซิเคิลล้มเหลว
เส็งถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นผู้ดูแลเติร์กแทน
โดยเติร์กและฝ่ายโซลเยอร์ได้ถูกเปลี่ยนไปขึ้นตรงกับไฮเด็กเกอร์
ผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยมวลชน
วันหนึ่งอวาลันช์ได้เข้าจู่โจมจูน่อน
เติร์กมีหน้าที่รายงานสถานการณ์ให้ไฮเด็กเกอร์ทราบ
ซึ่งหัวหน้าใหม่คนนี้ไม่มีภาวะผู้นำดีนัก
อยากแต่จะเอากองทหารของชินระมาถล่มอวาลันช์ (ซึ่งถ้ากองทหารออกมา
จูน่อนคงเละไปด้วย) เติร์กเองก็เริ่มรับมือสถานการณ์ไม่ไหว
เวอร์ด็อทที่ดูเหตุการณ์ผ่านมอนิเตอร์ถึงต้องเรียกเม้พเมพเพื่อนเก่ามาช่วย
เวอร์ด็อทเล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้ฟัง สงครามยังไม่จบ
ชินระและเติร์กมีพลังไม่พอที่จะรับมือสถานการณ์ได้
จึงจำเป็นต้องพึ่งพาบุรุษเพียงผู้เดียวที่สุดจะเมพสมชื่อเม้พเมพคนนี้เข้ามาช่วยเหลือ
และเวอร์ด็อทจะขอรับผิดชอบการกลับมาทำหน้าที่เติร์กโดยพลการครั้งนี้ด้วยชีวิต
ทำให้หนนี้เม้พเมพรับปากยอมช่วย
เมื่อมาถึงจูน่อน เม้พเมพก็ถูกอวาลันช์จำนวนมากเข้าล้อมไว้
แต่เขาก็ใช้ระเบิดกำจัดพวกมันได้อย่างรวดเร็ว
อวาลันช์คนนึงเห็นความเมพแล้วก็นึกออกว่ามันคือเมพมรณะ
และแปลกใจที่ชายคนนี้ให้ความร่วมมือกับเติร์ก
เม้พเมพคิดถึงเสียงระเบิดที่ไม่ได้ยินมานานแสนนาน
เขาประกาศว่าจะขอกำจัดศัตรูให้ได้ 50 คน
ก่อนที่เวอร์ด็อทจะได้สิทธิ์กลับมาดูแลเติร์กเสียอีก
เม้พเมพไล่กำจัดอวาลันช์ไปเรื่อยๆ
พอเห็นความเมพของมันแล้วเอลเฟ่จำเป็นต้องถอนกำลังออกจากจูน่อน
เมื่อพวกอวาลันช์พากันถอยกลับไปทำให้เติร์กกลับมาควบคุมสถานการณ์ได้อีกครั้ง
พร้อมกับที่เวอร์ด็อทได้สิทธิ์ดูแลเติร์กกลับมา (เหตุการณ์ในตอนนี้เกิดพร้อมกับเหตุการณ์ใน
Episode 9)
หลังเหตุการณ์สงบลง กลับมาที่สำนักงานเติร์ก
เวอร์ด็อทกล่าวชมเส็งที่ทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้าเติร์กได้ดี
และเติร์กคนอื่นๆทำงานได้น่าชื่นชม พร้อมพาเม้พเมพเข้ามาแนะนำตัว
พอเส็งเห็นเม้พเมพก็ตกใจ
และเข้าใจว่าการที่ศัตรูลดจำนวนลงอย่างมากเป็นเพราะความเมพของพี่เม้พเมพคนนี้เอง
เขาต้องการกลับมาปกป้องคนอื่นๆ
แต่เวอร์ด็อทก็บอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่พวกเขาจะตายหรอก
ซึ่งเม้พเมพก็เห็นด้วยว่าพวกเติร์กโดยเฉพาะเส็ง
ดูยังไงก็ไม่น่าจะตายง่ายๆอยู่แล้ว
และเขาขอให้เส็งโชคดีในฐานะผู้นำเติร์กคนใหม่ด้วย
และตัวเขาเองที่ถือว่าเป็นเติร์กหน้าใหม่ก็จะรับคำสั่งจากเส็งแต่โดยดี
เส็งรู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะนับเม้พเมพเป็นแค่เติร์กหน้าใหม่
เขาบอกกับเติรืกคนอื่นๆว่าชายคนนี้มีเหตุผลที่ทำให้ต้องถูกกักตัวอยู่ในคอสตาเดลโซล
เรโนและรู้ดเคยได้ยินตำนานของคนๆนี้ก็รู้ดีว่านี่ของจริง
และคงต้องระวังตัวไม่ให้ล้ำเส้นพี่เม้พเมพของเรา
ตอนนี้ชายผู้ถูกขนานนามว่า "เทพมรณะแห่งสนามรบ"
ชายผู้เป็นตำนานของเติร์ก ได้กลับมาสู่เติร์กอีกครั้ง
เหล่าผู้ที่เคยได้ยินคำเล่าขานต่างพากันหวาดกลัว
แต่ชายผู้นี้จะไม่มองย้อนไปยังอดีตที่ดำมือของตนเอง
และปล่อยให้มันจางหายไปกับสมรภูมิหนหลัง....