ไม่รู้จะวัดยังไง เอาผลลัพธ์+aftermath+การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเป็นเกณฑ์แล้วกันครับ (ส่วนพวกกุนซือในตำนานทั้งหลายน่าจะมีตัวอย่างกลยุทธ์แพลมออกมาให้ดูสักอันคงแพรวพราวน่าดู)
แต่ละแนวก็เทพกันไปตามสไตล์ตัวเองนะครับ
ประเภทเก่งตำรา - กุนซือที่มีความแม่นยำในหลักการและศาสตร์ของสงครามทั้งกลยุทธ์และพื้นฐานการเมือง, สังคม, ภูมิศาสตร์, วิทยาศาสตร์ ผลลัพธ์ค่อนข้างเต็ม 100 มักเป็นกุนซือฝ่ายศัตรูเช่นเลอ้อน, อัลเบิร์ต สนใจผลลัพธ์และยึดมั่นในหลักการจนแทบตัดเรื่องอื่นนอกจากเป้าหมายทิ้ง ให้เลอ้อนที่สร้างชื่อเสียงมาช้านานชนะในตำแหน่งนี้ครับ
มาดูตัวอย่างการวาง milestone ของพวกกุนซือเลือดเย็นสายนี้กันดีกว่า
ต้องการชัยชนะในสงครามชิงบัลลังก์ - เผาคาเล็กก้าทิ้ง แล้วใส่ความโจวสตัน ทำให้ชาวสการ์เล็ตมูนลุกฮือขึ้นสู้ และส่งผลให้ขับไล่โจวสตันออกไปได้สำเร็จ
ต้องการยุติสงครามการรวมแผ่นดินดูนาน - จัดการลูก้า จัดการผู้นำพันธมิตร แล้วรวมแผ่นดินเข้าเป็นหนึ่งเดียวโดยมีไฮแลนด์เป็นจุดศูนย์กลาง มิวส์เสียอนาเบลไปแล้วแถมเมืองยังถูกบีสต์รูนทำลาย กองทัพที่น่ากลัวที่สุดก็เหลือแค่มาธิลด้าที่ทุ่มกองกำลังทั้งหมดเข้าตีราบคาบในชั่วเวลาไม่กี่วัน ถ้าชูไม่เทพสุดๆสงครามควรจะจบตั้งแต่ตอนหลอกมาลงนามสันติภาพหรือไม่ก็หลังเสียมาธิลด้าไปแล้ว
ต้องการยับยั้งอนาคตสีเถ้า - นำกองทัพของฮาร์โมเนียเข้าไปล่าทรูรูนธาตุในกราสแลนด์โดยฉวยโอกาสที่เลยช่วงโปรโมชั่น 50 ปีพอดี เป้าหมายคือการไล่ชาวกราสแลนด์ออกไปให้ไกลที่สุดจากแท่นพิธีกรรม
ทั้งหมดเป็นวิธีการที่เด็ดขาด ที่น่าจะได้ผลที่สุด (แต่แพ้เพราะไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเอง) แต่สร้างเหตุการณ์ที่ลดความชอบธรรมให้ตัวเอง ถ้าคนที่มองสงครามแล้วเลือกฝ่ายจากเหตุการณ์ที่เป็นจุดตัดสินใจมากกว่าพิจารณาจากประวัติศาสตร์ระยะยาวจะไม่เข้าร่วมกับพวกนี้ (หลอกให้ลงนามสันติภาพแล้วยิงทิ้งนี่อาชญากรสงครามชัดๆ)
กุนซือประเภทนี้แพ้สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย เลอ้อนพลาดท่าชูเพราะไม่คิดว่าชูจะเผาตัวเองในป่า ส่วนอัลเบิร์ตเป็นกุนซือฝั่งศัตรูที่ชนะมากที่สุดในซีรี่ยส์ (ปกติฝ่ายเราจะชนะเกินครึ่ง แต่ภาคสามเราชนะเพียงสงครามหน้าปราสาทบราสครั้งเดียวเท่านั้น... ไม่นับสงครามหน้าแท่นพิธีกรรมที่พวกลุคล่าถอยเข้าไปในแท่นพิธีกรรมเอง) ซึ่งก็แพ้ให้กับการรวมพลังของกราสแลนด์และเซ็คเซนแบบที่กุนซือตัวโกงทุกภาคเป็น (แพ้พลังสามัคคี)
ในมังกะก็แพ้หนนึงคือที่หมู่บ้านเป็ดซึ่งฮิวโก้ใช้ทรูไฟออกนำครั้งแรก แต่ศึกสำคัญที่ต้องการผลแพ้ชนะจริงๆอย่างศึกหน้าเกรทฮอลโลว์ พวกลุคชนะ ซึ่งชัยชนะส่วนมากก็เป็นเพราะพลังของเดสทรอยเยอร์ที่เหนือกว่าฝั่งเรามากมายมหาศาลด้วยหละ
เลอ้อนสั่งสอนแมทธิวและโอเดสซ่ามา แล้วแมทธิวก็สั่งสอนพวกชู, แอปเปิ้ล, ฯลฯ ต่อมามากมาย เรียกได้ว่าเลอ้อนแทบจะอยู่ขั้นบนสุดของวงการ รอให้ศิษย์มาล้างครูแบบหนังจีน อัลเบิร์ตสืบทอดทั้งกลยุทธ์ทั้งแนวคิดมาจากเลอ้อน เลยให้เลอ้อนเหนือกว่าครับ
ประเภทพลิกแพลงสารพัด - กุนซือประเภทปรับเปลี่ยนรูปเกมเข้ากับสถานการณ์ ผลงานทำได้ตั้งแต่ 80 - 120 คะแนน ใช้วิชามารนอกตำราและมีการทุ่มเอาความเสี่ยงโดยใช้หลายอย่างเป็นเดิมพันตั้งแต่ชีวิตแม่ทัพจนถึงชีวิตตัวเอง แล้วก็มักจะชนะเพราะเป็นฝั่งพระเอก
กุนซือส่วนมากฝั่งพระเอกจะเป็นแบบนี้ครับ ทั้งเก๋าเกมอย่างเอเลนอร์, อัจฉริยะอย่างชู หรือขี้เท่ออย่างซีซ่าร์
เอเลนอร์ค่อนข้างเสียเปรียบกุนซืออื่นเพราะยุทธนาวีมันไม่มีช่องให้เล่นมากเท่าไหร่ สิ่งที่จะตัดสินแพ้ชนะในสงครามยิงเรือก็มีแต่กำลังพลกับความเมพของเรือ ภาคนี้คีย์แมนน้อย ทีมที่ถูกใช้ได้คุ้มค่าที่สุดคือรามาด้า-มิซุกิ-อาครากิ ในฐานะสปายคอยสืบข่าววงในของกูลูคและคนส่งสาส์นสารพัดสถานที่ ซึ่งพอเสียรามาด้าไปแล้วก็พอดีท้ายสงครามที่รามาด้าส่งแปลนหอคอยให้เอเลนอร์เรียบร้อย ในฉากสงครามทั้งชิงเรือที่ซ่อนอยู่ในเงาผา, เรือล่อเป้า, ฯลฯ ก็ดูไม่ใช่วิธีที่น่าประทับใจเท่าไหร่ กลยุทธ์ที่ดีที่สุดของฝั่งศัตรูคือเผาเรือผู้บัญชาการแล้วพุ่งมาชนเรือเรา ซึ่งก็แก้ได้โดยเอารูนยิงมั่งเลย (ง่ายดีเนอะ)
ชู ...เทพ =v=b กลยุทธ์แพรวพราวน่าประทับใจที่สุด ขณะเดียวกันก็เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมๆกับตัวเอก จากตอนแรกที่เป็นคนเห็นแก่ตัว ซึ่งยังเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือที่เลอ้อนรู้จักดี แต่พอสุดท้ายฉีกหนังสือ ยิงไฟเข้าป่าเผาตัวเองทำลายกองทัพของเลอ้อน หักหน้าเลอ้อนได้เด็ดขาด เป็นการก้าวข้ามกุนซือในตำนานได้อย่างประทับใจ ...แต่ช้าก่อน! เขาไม่ใช่ประเภทยอมให้ตัวเองตายเพื่อชัยชนะหนเดียวแบบนั้น! ยังมีแผนสำรองให้วิคเตอร์แยกทีมออกไปช่วยพาเขาออกมาจากกองไฟอย่างปลอดภัยอีกด้วย ^^b การต่อสู้ของชูกับเลอ้อนเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดแล้วครับ ชอบตอนชูนั่งเกาหัวก่อนเปิดศึกมาธิลด้าที่คิดแล้วคิดอีกก็หาทางเอาชนะเลอ้อนไม่ได้ จนนึกขึ้นมาวิธีนึง ก่อนเอ่ยปากขอร้องคิบะ ให้ช่วยต้านกองทัพเลอ้อนที่ตรึงกำลังอยู่ที่ป้อมหมี การตรึงกำลังของเทพเลอ้อนก็เท่ากับขอให้คิบะ "ยอมตาย" ครับ แล้วจอมทัพหัวเหม่งแต่เร้าใจก็ยอมทำตามคำขอของชูโดยไว้ใจฝากฝังลูกชายของเขาไว้กับชูด้วย ที่น่าประทับใจสุดๆอีกครั้งก็คือตอนเผาตัวเอง (ก่อนเปิดศึกรูรูนอยล์ชูก็นั่งกลุ้มอยู่หลายวันหลายคืนเหมือนกัน จนได้ข้อสรุปว่านอกจาก "ไฟ" เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว) เป็นทางเลือกสุดท้ายที่สุดยอดทั้งสองครั้งจริงๆ แล้วก็การใช้กำลังเสริมปลอมที่พวกบาบาร่าได้ออกมาช่วยเพื่อนต่อสู้ในสนามรบเป็นครั้งแรกด้วย สงครามภาคนี้หมดจดสุดยอด!
ภาคสาม ซีซ่า...ซีซ่า... ไอ้คนปั้นหุ่นไล่กาหลอกทหารเซ็กเซนคนนั้นน่ะเหรอ ฮาดีนะ =v= เอาน่ะ เด็กกำลังเรียน มีแววเป็นกุนซือชั้นนำถ้าขัดเกลา เผื่อไปสู้กับพี่อีกรอบ
ประเภทเก่งคน - นอกจากศาสตร์สงครามยังมีความสามารถด้านการจัดการคน ชักจูงโน้มใจคน ซึ่งเป็นเรื่องที่กุนซือหลายคนยังขาดอยู่ แม้แต่ชูก็บอกว่าเขาเก่งกาจด้านกลยุทธ์แต่เขาก็ต้องการให้ริโอวนำกองกำลังดูนาน (เป็นครั้งเดียวที่พวกเราเสนอให้กุนซือเป็นผู้นำกองทัพ แต่เขาไม่เอา) เพราะเขาไม่มีความสามารถในการชักจูงคนเหมือนกับริโอว (แต่ถ้าวัดด้านกลยุทธ์เพียวๆ ให้ชูเหนือกว่ากุนซือคนอื่นครับ เพราะเทคนิคสงครามในภาคสองนี่สุดๆแล้ว)
แมทธิวและลูเครเทียจะอยู่ในกลุ่มนี้ หลายๆคนจากกลุ่มสองช่วงหลังๆก็มีแววเรื่องคนขึ้นมากันหมดนะ
แมทธิวมีชื่อเสียงดีที่สุด เป็นที่ยอมรับทั้งตอนมีชีวิตอยู่และตอนตายไปแล้วทั้งความเก่งกาจและคุณธรรม ทำได้ทั้งวางกลยุทธ์ปกติไปจนถึงนักเจรจา ทั้งเดินทางไปเจรจาเองทั้งฝากจม.ให้ทีลเอาไปส่งแล้วสามารถชักจูงให้กองกำลังต่างๆเข้าร่วมกับเขาได้ (แต่ส่วนมากก็ต้องทำภารกิจแลกเปลี่ยนนะ) แต่การแก้ปัญหาของภาคนี้ยังนิทานมากไปหน่อย เรือแล่นผ่านน้ำวน, เรือน้ำแข็ง, ผู้เฒ่าทำยาแก้พิษกุหลาบ,... ไม่ได้ใช้ศาสตร์สงครามแบบภาคสองเท่าไหร่
แมทธิวเกลียดยุทธวิธีที่เลอ้อนเผาคาเล็กก้าทำให้เขาลดละเลิกจากสงครามไปใช้ชีวิตอย่างสงบสอนหนังสือเด็กๆ
เจตนารมณ์ของซิลเวอร์เบิร์กที่สืบทอดมาคือ "ยุติสงครามให้เร็วที่สุด" แต่แมทธิวไม่เห็นด้วยกับหลักการนี้ เขาเชื่อว่ากุนซือที่ดีควร "ยุคิสงครามด้วยความสูญเสียน้อยที่สุด"
ซึ่งจากมุมมองของเลอ้อนแล้วแมทธิวยังเป็นนักอุดมคติมากเกินไป แล้วสุดท้ายก็ต้องตายเหมือนโอเดสซ่า
ซีซาร์คิดเหมือนแมทธิว ทำให้แอปเปิ้ลพูดว่าซีซ่าร์นี่แหละที่คล้ายท่านแมทธิวมากที่สุด เลยเอ็นดูเด็กขี้เซาคนนี้มากเป็นพิเศษ
อีกคนที่น่าพูดถึงคือซาโลเม่ฮาราสครับ เป็นกุนซือที่ผมยกให้ดีที่สุดในภาคสาม //^^// ทั้งการแก้เกมเฉพาะหน้าตั้งแต่ตอนให้คริสตีฝ่าวงล้อมพวกกราสแลนด์ออกทางคารายา (ในมังกะจะเห็นกลยุทธ์ของซาโลเม่ตั้งแต่ตอนสาบานว่าจะสู้เพื่อคริสจนขาดใจเพื่อปลุกกำลังทหารเซ็คเซนที่เกือบแพ้มาเป็นชนะได้) แนะนำให้คริสออกเดินทางจัดการเรื่องพ่อแล้วอยู่คุมทางด้านเซ็คเซนด้วยตนเอง เชี่ยวชาญการเมืองแบบเห็นได้ชัดตอนยื้อกับคณะลูกขุน (ที่ไปหาเรื่องปราสาทบุเดฮัคกับไล่จับฮิวโก้ที่วิเน่นั่นซาโลเมไม่เกี่ยวนะจ๊ะ) แถมมองล่วงหน้าไปถึงการเอาปราสาทบุเดฮัคเป็นที่มั่นในการอพยพผู้คนในสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย คนนี้ผมให้เทพที่สุดในภาคสามแล้วครับ
จากมังกะข้างล่างเป็นแผนการทั้งหมดของซาโลเมที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อความเป็นไปของไฟร์บริงเกอร์อยู่เบื้องหลัง
รู้เรื่องที่ลูกขุนติดต่อกับฮาร์โมเนียลับๆ > ได้ยินเรื่องปราสาทเก่าจากคณะลูกขุน > รู้ว่าคณะลูกขุนจะปลดโธมัสเพราะเหตุไม่สมควร > ยึดอำนาจลูกขุนโดยใช้เอกสารลับจากฮาร์โมเนียโจมตี > เจรจาสันติภาพกับกราสแลนด์เพื่อรับมือฮาร์โมเนีย > รักษาตำแหน่งให้โธมัสโดยขอใช้ปราสาทเป็นการแลกเปลี่ยน
ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของซาโลเม่ ....บร๊ะเจ้า! ซีซ่ามันมีไว้ทำไมฟระ?!
ส่วนหลิวตำแหน่งกุนซือไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เหมือนเด็กหัวไวที่คิดเรื่องดีๆขึ้นมาได้ก่อนคนอื่นแล้วออกความเห็นในที่ประชุมมากกว่า
แต่สงครามจริงๆไม่มีกุนซือนะครับ คนที่เจนกลยุทธ์มากสุดก็ควรจะเป็นพวกแม่ทัพกรำศึกทั้งหลายนี่แหละ เทียไครซ์ก็คล้ายๆของจริงดีนะ คนแตกก๊กแตกเหล่าหลายเผ่าพันธุ์ อะไรจะมานั่งคอยให้คนๆเดียวสั่งการ