|
Vincent Valentine
ヴィンセント・ヴァレンタイン
เพศ :
ชาย
วันเกิด : 13
ตุลาคม [µ]-εγλ
1957
อายุ :
หยุดอยู่ที่ 27 ปี
กรุ๊ปเลือด : A
สถานที่เกิด : ไม่ทราบ
ส่วนสูง : 184 เซนติเมตร
อาวุธ : ปืน
|
ภาพหนึ่งที่ไม่ลบเลือนไปจากความทรงจำของ วินเซนต์ วาเลนไทน์
คือตัวเขาที่นอนเอกเขนกอยู่กลางทุ่งหญ้าใต้ฟ้าสีคราม พร้อมกับลูเครเซีย
เครซเซนท์ นักวิทยาศาสตร์สาวแสนสวยของชินระ
แต่นั่นเป็นความทรงจำในอดีตอันแสนไกล ตอนนี้สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในใจของวินเซนต์มีเพียงเสียงของลูเครเซียที่บอกกับเขาว่า
"ฉันขอโทษ"
แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องขอโทษ
มันเป็นความผิดของเขาที่ทำให้เธอต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายแบบนั้นไม่ใช่หรือ?
วินเซนต์เป็นเติร์กของชินระในยุคแรก
ตั้งแต่สมัยที่ชินระเพิ่งก่อตั้งมาไม่นาน รุ่นเดียวกับเวอร์ด็อท
เขาถูกส่งตัวมาที่นีเบิ้ลไฮม์เพื่ออารักขาทีมวิจัยของชินระนำโดย กัสต์และโฮโจ
นักวิทยาศาสตร์เอกของชินระ รวมทั้งลูเครเซีย
นักวิทยาศาสตร์สาขาเทคโนโลยีชีวภาพระดับ
A
วินเซนต์หลงรักลูเครเซีย
แต่เธอกลับพยายามปลีกตัวจากเขาด้วยสาเหตุบางอย่างแล้วไปคบกับโฮโจ ซึ่งวินเซนต์เองเข้าใจแต่เพียงว่านั่นเป็นหนทางที่ลูเครเซียเลือก
"ถ้าเธอมีความสุข
ฉันก็ยินดี..."
แต่โฮโจเลวร้ายกว่าที่เขาเคยคาดคิดไว้
นักวิทยาศาสตร์บ้าคนนี้ได้ใช้เด็กในครรภ์ซึ่งเป็นลูกชายของลูเครเซียและตัวเขาเองในการทดลองของชินระ
เขาปรับปรุงเซลล์ของเจโนวาก่อนฉีดเข้าไปในครรภ์ของลูเครเซียให้กำเนิดผลิตผลการทดลองที่สมบูรณ์ออกมา
เขาเรียกโครงการนี้ว่าโปรเจ็คต์
S
และเด็กที่เกิดมาถูกตั้งชื่อว่า
เซฟิรอธ
หลังเซฟิรอธคลอดออกมา
ผลทดสอบเซลล์และร่างกายของเขาประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม จนกระทั่งโฮโจได้รับแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ของชินระ
แต่วินเซนต์โกรธโฮโจมากที่ใช้ลูกแท้ๆของตนเองในการทดลอง
การโต้เถียงของเขากับโฮโจเป็นไปอย่างรุนแรงจนโฮโจยิงวินเซนต์ล้มลงแล้วนำไปทดลองเรื่อง
การกลายร่าง ที่เขากำลังศึกษาอยู่
ส่วนลูเครเซียล้มป่วยเรื้อรังเนื่องจากพิษของการทดลองโปรเจ็คต์
S
แล้วจู่ๆเธอก็หายสาบสูญไป จนทุกคนคิดว่าลูเครเซียตายไปแล้ว
วินเซนต์รู้สึกผิดที่เขาทำให้คนที่รักต้องตายไปโดยที่เขาช่วยอะไรไม่ได้
การทดลองของโฮโจทำให้ร่างของวินเซนต์เปลี่ยนสภาพกลายเป็นสัตว์ประหลาดได้ชั่วขณะ
เขาคิดว่าร่างกายทุเรศนี้แหละเป็นการลงทัณฑ์ที่สาสมกับเขาแล้ว วินเซนต์ไม่เคยยกโทษให้ตัวเองและฝังร่างตัวเองลงในโลงศพ
หลับอยู่ใต้คฤหาสน์นีเบิ้ลไฮม์เป็นเวลาหลายสิบปี
จนกว่าจะถึงเวลาที่เขาคิดว่าบาปนั้นได้ถูกชำระล้างไปแล้ว...
เวลาผ่านไปนับสิบๆปี วินเซนต์ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง
เมื่อเวอร์ด็อทอดีตเพื่อนร่วมงานเติร์กของเขามาเปิดโลงเพื่อสำรวจบางอย่างก็ตกใจที่พบวินเซนต์เข้า
วินเซนต์ไม่เปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนที่เขาหายสาบสูญไปในขณะที่เวอร์ด็อทแก่ลงไปมาก
ตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าทีมเติร์กและกำลังตามหาซัพพอร์ทมาทีเรียเพื่อช่วยเหลือเฟลิเซีย
ลูกสาวของเขา วินเซนต์ช่วยบอกตำแหน่งมาทีเรียที่เขาเคยเห็นซ่อนอยู่ในคฤหาสน์แล้วก็กลับไปหลับในโลงอีกครั้ง
"ฉันไม่คิดจะออกไปจากที่นี่หรอก
ฉันจะอยู่เพื่อชดใช้บาปของฉันต่อไป"
แต่การนอนของเขาก็ไม่ได้ราบรื่นนัก
อีกราวๆหนึ่งปีต่อมาคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าอวาลันช์ นำโดยคลาวด์
สไตรฟ์ ได้เข้ามาเปิดโลงด้วยความสงสัย วินเซนต์รู้สึกรำคาญอยากให้คนพวกนี้ออกไปเต็มทน
เขาบอกว่าไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไปเพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้าย
ซึ่งคลาวด์ก็เห็นด้วยเพราะเซฟิรอธเองก็เริ่มบ้าคลั่งหลังพบความจริงเรื่องชาติกำเนิดของตนเองที่คฤหาสน์แห่งนี้เช่นกัน
วินเซนต์ตกใจมากที่คลาวด์รู้จักเซฟิรอธ คลาวด์ยังเล่าเรื่องเกี่ยวกับเซฟิรอธให้เขาฟังอีกหลายเรื่อง
ทั้งการเป็นวีรบุรุษโซลเยอร์ของชินระ, การเดินทางมาที่นีเบิ้ลไฮม์,
ค้นพบชาติกำเนิดของตนเองแล้วบ้าคลั่งทำลายเมือง
และตอนนี้พวกเขากำลังออกตามล่าเซฟิรอธเพื่อหยุดยั้งโศกนาฏกรรมและการตามหาดินแดนแห่งพันธสัญญาของเขา
ยิ่งได้ยินแบบนั้นวินเซนต์ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น
นอกจากจะไม่สามารถช่วยลูเครเซียได้แล้วเขายังปล่อยให้เซฟิรอธเกิดขึ้นมาสร้างความสูญเสียมากมายมหาศาล
เขาตัดสินใจออกเดินทางตามพวกคลาวด์ไปเพราะเชื่อว่าจะได้พบเซฟิรอธแล้วจัดการสะสางสิ่งที่เขาก่อไว้
นั่นจึงจะเป็นวิธีชำระบาปที่เขาควรทำ
แม้การนอนมานานแสนนานจะทำให้เขาแทบจะเสียอารมณ์ความรู้สึกแบบมนุษย์ไปเกือบหมดแล้ว
แต่ในการเดินทางครั้งนี้วินเซนต์ได้พบเพื่อนใหม่มากมายในกลุ่มอวาลันช์นี้
ทั้งทีฟา ล็อคฮาร์ท เพื่อนวัยเด็กของคลาวด์, แบเร็ต วอลเลซ อดีตผู้นำกลุ่มอวาลันช์,
แอริธ เกนสโบรู สาวเผ่าโบราณคนสุดท้าย, ยุฟฟี่ คิซารากิ นินจาจากวูไท,
นานากิ สิ่งมีชีวิตสี่เท้าที่พูดภาษามนุษย์ได้, รีฟ ทูเอสติ
หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเมืองของชินระ, และซิด ไฮวินด์ นักบินอัจฉริยะของโลก
หลายครั้งพวกเพื่อนๆของเขาก็ประสบปัญหาด้านจิตใจแบบเดียวกับที่เขาเคยเป็น
แต่เนื่องจากตนเองยังแก้ปัญหาให้ตัวเองไม่ได้
เขาก็แนะนำคนอื่นได้ไม่เต็มปาก ตอนที่คลาวด์สูญเสียตัวตนและพังทลายไปนั้น
ทีฟาพยายามอย่างหนักเพื่อพาตัวตนของคลาวด์กลับมา วินเซนต์ยังคิดว่าการมีความหวังมากเกินไปบางทีผลลัพธ์มันก็เลวร้ายพอๆกับความสิ้นหวังนั่นแหละ
ความรักที่ทีฟามีมากเกินไปอาจทำลายตัวเธอเองเหมือนกับที่เขาเคยเป็นได้
แต่ทีฟาก็สามารถพาคลาวด์หลุดออกจากภาพลวงตากลับมาสู่ตัวตนที่แท้จริงได้ในที่สุด
"ออกจากโลกของภาพลวงตางั้นเหรอ
อืม ฉันเองก็ไม่รู้นะว่ามันจะดีกว่าจริงหรือเปล่า"
วินเซนต์เคยฝันถึงวันคืนใต้ร่มไม้ที่เขาอยู่กับลูเครเซียอย่างมีความสุข
เมื่อตื่นมาพบความเป็นจริงที่ยิ่งกว่าฝันร้ายแล้วเขาคิดว่าบางทีการจมอยู่กับภาพลวงตาตลอดไปนั้นอาจจะมีความสุขเสียกว่า
แต่ลูเครเซียเองก็คงไม่อยากให้เขาทำแบบนั้น
ช่วงปลายของการเดินทาง ชินระได้ยิงปืนใหญ่มาโคทำลายบาร์เรียร์ที่ครอบเครเตอร์ตอนเหนือ
ที่กบดานของเซฟิรอธแตกออกเป็นผลสำเร็จ
แต่โฮโจกลับคิดยิงปืนใหญ่มาโคซ้ำอีกครั้งเพื่อส่งพลังให้เซฟิรอธลูกชายของเขา
อวาลันช์จึงต้องรีบมุ่งเข้ามิดการ์ไปหยุดยั้งโฮโจและวินเซนต์เองก็เต็มใจเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้
พวกเขาขึ้นไปจนถึงเมนเฟรมควบคุมปืนใหญ่และพบกับโฮโจในที่สุด โฮโจเล่าว่าการที่เขาเสนอตัวลูเครเซียที่อุ้มท้องอยู่เพื่อใช้ในเจโนวาโปรเจ็คต์
แล้วฉีดเซลล์เจโนวาให้เซฟิรอธตั้งแต่อยู่ในครรภ์นั้น
มันเป็นแค่ความอยากรู้อยากเห็นของนักวิทยาศาสตร์!
ทั้งที่เคยคิดว่าตัวเองหมดความรู้สึกแบบมนุษย์ไปนานแล้ว
แต่พอวินเซนต์ได้ยินแบบนั้นก็โกรธมาก
"ฉันคิดผิดจริงๆ...
แท้จริงแล้วคนที่สมควรลงไปนอนในโลงคือ... แก โฮโจ!"
โฮโจเคยอ่านงานวิจัยที่ลูเครเซียศึกษาไว้และพบว่าภายในดวงดาวมีขุมพลังมหาศาลที่เรียกว่า
โอเมก้า อยู่ เขาคิดว่าหากตนเองได้รวมร่างกับโอเมก้า
ตัวเขาจะกลายเป็นสุดยอดชีวิตของดวงดาว
แต่เขาก็ต้องการร่างกายที่แข็งแกร่งพอที่จะรับพลังของโอเมก้าได้ โฮโจจึงฉีดเซลล์เจโนวาเข้าไปในร่างตัวเอง
แต่นั่นกลับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่
เซลล์ได้กัดกินร่างและดวงวิญญาณของเขาไป แล้วโฮโจที่บ้าคลั่งก็ถูกพวกคลาวด์สังหารลง
ระหว่างเตรียมการจัดการกับเซฟิรอธในศึกสุดท้าย วินเซนต์ได้เดินทางมายังถ้ำแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยผลึกและได้พบกับคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบอีก
นั่นคือลูเครเซียที่ผนึกตนเองอยู่ในคริสตัล
วินเซนต์ได้ยินเสียงของลูเครเซีย
แม้ตอนนี้จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แต่เธอยังมีชีวิตอยู่
เซลล์เจโนวาในร่างทำให้ลูเครเซียไม่สามารถตายได้ เธอฝันถึงเซฟิรอธลูกชายที่เธอรักหมดหัวใจและรู้สึกผิดที่ตนเองไม่เคยทำหน้าที่เป็นแม่ที่ดีของเซฟิรอธเลย
ลูเครเซียรู้ดีว่าเด็กคนนั้นคงมีสภาพตายไม่เป็นเหมือนกับเธอและอยากรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
ซึ่งคำตอบที่ดีที่สุดเท่าที่วินเซนต์จะช่วยไม่ให้เธอเศร้ามากไปกว่านี้ได้ก็คือ
"เซฟิรอธตายแล้ว"
อวาลันช์เดินทางไปยังเครเตอร์ตอนเหนือเพื่อทำศึกสุดท้ายกับเซฟิรอธ
และนั่นควรเป็นเป้าหมายสุดท้ายของวินเซนต์ พวกเขาพบเซฟิรอธที่ด้านในสุดของดวงดาว
แม้เขาจะสูบพลังของดวงดาวจนมีพลังทัดเทียมพระเจ้า
แต่เทวดาปีกเดียวนามว่าเซฟิรอธผู้นี้ก็ไม่มีวันได้ไปถึงสรวงสวรรค์
พวกคลาวด์สามารถเอาชนะและส่งเซฟิรอธกลับคืนสู่ดวงดาวได้สำเร็จในที่สุด
วินเซนต์ได้กลับมาที่ซากปืนใหญ่และพบว่าแม้ร่างเนื้อของโฮโจจะสูญสลายไปแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังไม่จบเหมือนที่เขาคาดไว้
โฮโจได้อัพโหลดข้อมูลของตนเองเข้าไปในเน็ตเวิร์คและยังคงความมีตัวตนต่อไป
แม้จะรู้เรื่องนั้นแต่วินเซนต์ตอนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้แล้ว
การต่อสู้ได้จบสิ้นลง แต่บาปของวินเซนต์ก็ยังไม่ถูกชำระล้างไป
เขาพยายามหาวิธีที่จะทำให้เขาสามารถยกโทษให้ตนเองได้
ระหว่างการเดินทางไปยังที่ต่างๆ วินเซนต์ได้พบกับนานากิหลายครั้ง
นานากิเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนยาวหลายร้อยปีและจะต้องอยู่ดูโลกอย่างโดดเดี่ยวหลังเพื่อนทุกคนจากไปแล้ว
วินเซนต์เข้าใจความรู้สึกนั้นดี เพราะตัวเขาเองก็มีร่างอันไม่แก่เฒ่า
วินเซนต์เสนอให้นานากิมาพบเขาที่มิดการ์ปีละครั้งเพื่อเล่าเรื่องราวต่างๆที่นานากิได้พบมา
เขาคิดว่าอย่างน้อยนั่นจะช่วยให้นานากิไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว
คลาวด์เป็นอีกคนที่ประสบปัญหาจิตใจรุมเร้า
หลังการต่อสู้กับเซฟิรอธ
ความสูญเสียมากมายทำให้เขารู้สึกว่าตนเองไม่สามารถช่วยเหลือใครได้
โดยเฉพาะแอริธที่ถูกเซฟิรอธสังหารต่อหน้าเขา คลาวด์ไม่สามารถใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุขกับทีฟาได้อย่างที่เคยตั้งใจไว้
และเดินทางจากครอบครัวมา
แม้จะรู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำแต่ตัวเขาเองก็ยังหวาดกลัวที่จะใช้ชีวิตปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เขาอยากใช้เวลามากกว่านี้เพื่อเยียวยาจิตใจให้กลับไปเป็นคลาวด์ที่เก่งกล้าเหมือนที่เพื่อนๆคาดหวัง
แต่สถานการณ์ทำให้คลาวด์ไม่มีเวลาทำใจมากนัก จิตของเซฟิรอธได้ปนเปื้อนลงไปในไลฟ์สตรีมและก่อให้เกิดโรคจีโอสติ๊กม่าระบาดบนดวงดาว
วินเซนต์จึงเดินทางไปทั่วเพื่อค้นหาความลับเรื่องนี้
เขาเดินทางมาจนถึงนครสาบสูญ และพบกับกลุ่มชายผมเงินที่ก่อตัวจากไลฟ์สตรีมด้วยจิตของเซฟิรอธ
วินเซนต์ฉวยโอกาสช่วยเหลือเติร์กที่ถูกพวกชายผมเงินทำร้ายที่เครเตอร์ตอนเหนือและถูกนำตัวมาที่นี่หนีไป
ก่อนกลับมาที่นี่อีกครั้งและพบพวกเด็กๆที่ถูกชายผมเงินลักพาตัวมารวมกัน
คลาวด์ได้ตามมาเพื่อนำตัวเด็กๆกลับไป
แต่ก็ถูกชายผมเงินรุมเล่นงานจนเพลี่ยงพล้ำ เคราะห์ดีที่วินเซนต์ช่วยเขาหนีออกมาได้เสียก่อน
คลาวด์ยังคงไม่รู้คำตอบที่ว่า
"บาปจะมีวันได้รับการอภัยหรือเปล่า?"
วินเซนต์นั้นเข้าใจตัวคลาวด์ที่จมปลักอยู่กับความนึกคิดของตนเองดี
และเขาก็บอกให้คลาวด์ "ลองพยายามสู้ดูสักครั้ง"
เหมือนที่เขากำลังทำอยู่
นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้คลาวด์ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
วันต่อมา พวกชายผมเงินได้บุกเข้าเมืองเอดจ์ แต่คลาวด์และวินเซนต์ก็เข้าไปสมทบกับเพื่อนๆอวาลันช์ที่กลับมารวมตัวกัน
และหยุดยั้งพวกมันได้สำเร็จ ตอนนี้จิตใจของคลาวด์ได้รับการปลดปล่อยแล้ว
เขาต่อสู้จนได้พบกับคำตอบของตนเองในที่สุดและไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
หากแต่ปัญหาของตัววินเซนต์เองนั้นยังไม่หมดไป
เขาไม่รู้ว่าเขาจะต้องต่อสู้ไปอีกนานแค่ไหน เขาจะต้องต่อสู้กับใคร
และตัวเขาควรจะต้องทำอย่างไร
เพลงส่งวิญญาณของสุนัขเฝ้านรก |
วินเซนต์กลับมาเฝ้าลูเครเซียในถ้ำผลึกบ่อยๆ
แต่เธอก็บอกแต่เพียงว่าเธอขอโทษ ทั้งที่วินเซนต์นั้นต้องการให้เธอยกโทษให้ตัวเขาต่างหาก
วินเซนต์ไม่เข้าใจว่าพวกเขาทั้งคู่จะหลุดพ้นจากความรู้สึกผิดบาปนี้ได้อย่างไร
แล้ววันคืนแห่งความโกลาหลก็มาเยือนดวงดาวอีกครั้ง
เมื่อเหล่ากองกำลังโซลเยอร์ลับที่ชินระเลี้ยงไว้ใต้ดินหรือที่เรียกกันว่า
"ดีพกราวด์"
ได้หลุดออกมาอาละวาดภายใต้การนำของซเวียต
สมาชิกที่อยู่ในลำดับสูงสุดของดีพกราวด์อันประกอบด้วย เชลก์, อาซูล,
รอสโซ่, เนโร และไวส์ ผู้นำของดีพกราวด์ที่เก่งกาจที่สุด
พวกมันออกไล่ต้อนจับตัวผู้คนไปจากเมืองต่างๆ
โดยคัดเฉพาะผู้มีไลฟ์สตรีมบริสุทธิ์ในร่างไปแล้วฆ่าคนที่เป็นโรคจีโอสติ๊กม่าทิ้ง
วินเซนต์ได้เข้าขัดขวางและต่อสู้กับพวกดีพกราวด์จนได้พบกับรีฟซึ่งตอนนี้เขาเป็นผู้นำกองกำลังฟื้นฟูโลกที่เรียกว่า
WRO วินเซนต์ตัดสินใจให้ความร่วมมือกับรีฟอีกครั้งเพื่อต่อสู้กับดีพกราวด์
ระหว่างการต่อสู้นั้นเขาได้ระเบิดพลังเปลี่ยนร่างกลายเป็นเคออสขึ้นมาชั่วขณะ
ชาลัวร์นักวิทยาศาสตร์ของ
WRO
ตกใจมากเมื่อรู้ว่าเคออสอยู่ในร่างของชายคนนี้
เธอเล่าว่าเคออสเป็นผลงานค้นคว้าของลูเครเซียเจ้าของวิทยานิพนธ์เรื่องชีพจรดวงดาว
เธอได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเคออสและโอเมก้า
สุดยอดสิ่งมีชีวิตผู้ชำระล้างไลฟ์สตรีม แต่ชาลัวร์เองก็อ่านบทความไปเพียงส่วนหนึ่งจึงไม่รู้รายละเอียดมากนัก
นั่นทำให้วินเซนต์เริ่มเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น
มันจะเกี่ยวข้องกับการที่ลูเครเซียเฝ้าขอโทษเขาอยู่หรือเปล่านะ?
วินเซนต์เดินทางหาความจริงเกี่ยวกับเคออสและโอเมก้าจนมาถึงคฤหาสน์นีเบิ้ลไฮม์
เขาพบกับภาพโฮโลแกรมของลูเครเซียเล่าว่าเคออสและโอเมก้ากำเนิดจากดวงดาว
เมื่อดวงดาวถึงกาลดับสูญ เคออสจะทำลายทุกสิ่งให้กลายเป็นไลฟ์สตรีม
แล้วโอเมก้าจะหอบนำเอาไลฟ์สตรีมนั้นไปยังดาวดวงอื่นต่อไป
ที่คฤหาสน์นี้ รอสโซ่ได้ส่งหุ่นยักษ์เข้ามาสู้กับวินเซนต์
แล้วฉวยโอกาสขโมยโปรโตมาทีเรียที่ฝังอยู่ในร่างของวินเซนต์ไป
แต่โชคดีที่ยุฟฟี่เข้ามาช่วยพาวินเซนต์หนีไปได้เสียก่อน
ทางด้านดีพกราวด์ได้นำคอนเทนเนอร์บรรจุชาวเมืองที่จับมาทิ้งลงไปในบ่อมาโคของเตาปฏิกรณ์หมายเลข
0 ใต้เมืองมิดการ์เพื่อปลุกโอเมก้าขึ้นมา รีฟนำเรื่องนี้มาเล่าแลกเปลี่ยนกับเรื่องที่วินเซนต์พบมาจากนีเบิ้ลไฮม์
ขณะเดียวกันพวกเขาก็จับตัวเชลก์ หนึ่งในซเวียตผู้เป็นน้องสาวของชาลัวร์ได้
หลังจากใช้ความสามารถในการซิงโครเน็ตเวิร์คเอาความทรงจำของลูเครเซียตามหาวินเซนต์ผู้ครอบครองโปรโตมาทีเรียได้สำเร็จ
เธอก็หมดประโยชน์สำหรับพวกดีพกราวด์แล้ว อาซูลเตรียมตัวกำจัดเชลก์ทิ้ง
แต่ชาลัวร์ก็สละตัวเองช่วยให้เชลก์หนีพ้นน้ำมืออาซูลมาได้ เชลก์จึงตัดสินใจแปรพักตร์มาช่วยเหลือ
WRO แทน
วินเซนต์ฝันถึงอดีตอีกหลายต่อหลายครั้ง
ผนวกกับความทรงจำของลูเครเซียที่เชลก์ค้นพบจากเน็ตเวิร์ค
จนพอปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวได้ แล้วอดีตของวินเซนต์กับลูเครเซียก็ค่อยๆถูกเปิดเผยออกมา...
ลูเครเซียนั้นเคยทำงานร่วมกับ กรีมัวร์ วาเลนไทน์
อดีตนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของชินระที่เคยศึกษาเรื่องชีพจรดวงดาวมาก่อนเธอ
พวกเขาค้นพบถ้ำผลึกที่มีไลฟ์สตรีมปนเปื้อนไหลเวียนอยู่
ถ้ำนี้เป็นที่ๆพวกเขาคาดว่าเคออสจะตื่นขึ้นมาและยังพบโปรโตมาทีเรียซึ่งมีพลังควบคุมโอเมก้าและเคออสภายในถ้ำแห่งนี้ด้วย
ลูเครเซียได้นำไลฟ์สตรีมปนเปื้อนกลับมาทดลองที่คฤหาสน์ชินระ
เธอยินดีที่จะได้พิสูจน์ทฤษฎีที่มีแต่คนหัวเราะเยาะนี้
แต่หลอดทดลองก็เกิดรั่วออก ไลฟ์สตรีมปนเปื้อนจำนวนมากพุ่งออกมา กรีมัวร์ได้กระโดดเข้าป้องกันให้ลูเครเซียจนตัวเองโดนพิษไลฟ์สตรีมปนเปื้อนแล้วเสียชีวิตไป
แล้วนั่นก็กลายเป็นตราบาปที่ฝังอยู่ในใจของลูเครเซียมานาน
ต่อมาเติร์กหนุ่มนามวินเซนต์ได้ถูกส่งตัวมาอารักขาทีมวิจัยของชินระที่คฤหาสน์นีเบิ้ลไฮม์
ซึ่งตอนแรกที่ได้พบกับลูเครเซียนั้นเธอตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าวินเซนต์เป็นลูกชายของกรีมัวร์
ครั้งหนึ่งที่วินเซนต์หลบมาพักใต้ร่มไม้ในนีเบิ้ลไฮม์นั้นเขาได้พบกับลูเครเซียเข้า
เธอบอกว่านั่นเป็นที่นั่งโปรดของเธอเลยนะ จากนั้นก็ชวนวินเซนต์กินข้าวด้วยกัน
วินเซนต์รู้ว่าเธอคงรู้สึกผิดเรื่องพ่อของเขาแต่สิ่งที่เขาต้องการนั้นก็เพียงแค่อยากให้ลูเครเซียมีความสุขเท่านั้นเอง
ลูเครเซียยังไม่อาจสู้หน้าลูกชายของ
"คนที่ตายเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ"
ได้ ยิ่งในวันที่วินเซนต์ตัดสินใจขอเธอแต่งงานนั้น
ความมืดที่อยู่ในใจมาตลอดได้ทำให้ลูเครเซียขาดสติ เธอหนีไปคบกับโฮโจเพื่อป้องกันไม่ให้วินเซนต์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธออีกต่อไป
ทั้งสองมีลูกด้วยกัน แถมโฮโจยังเสนอให้ใช้เด็กในครรภ์กับการทดลองโปรเจ็คต์เจโนวาอีก
ซึ่งลูเครเซียก็ยืนยันกับวินเซนต์ว่าเธอเต็มใจเข้าร่วมการทดลองนี้ แต่วินเซนต์ก็ยังไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
หลังวินเซนต์เข้าไปโต้เถียงกับโฮโจและถูกยิงล้มลง โฮโจได้นำร่างของเขาไปทดลองการกลายร่าง
ซึ่งก็มีผลทำให้เขาสามารถเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ประหลาดได้ชั่วขณะเช่นเดียวกับอาซูล
วินเซนต์เจ็บปวดจากการทดลองจนแทบทนไม่ไหว เมื่อโฮโจเห็นว่าการทดลองครั้งนี้ล้มเหลวจึงทิ้งให้วินเซนต์ตายไปเอง
แต่ลูเครเซียไม่อยากให้วินเซนต์ทรมาน เธอจึงนำไลฟ์สตรีมปนเปื้อนมาใช้เพื่อนำความสามารถในการรวบรวมพลังชีวิตของเคออสมาช่วยปลุกวินเซนต์ที่เกือบจะถึงเส้นแบ่งความตายขึ้นมา
แต่เคออสกลับก่อตัวขึ้นในร่างของวินเซนต์ และนั่นเป็นสิ่งที่ลูเครเซียไม่ได้คาดคิด
เธอจึงต้องใส่โปรโตมาทีเรียเข้ามาในร่างวินเซนต์เพื่อใช้ควบคุมเคออส
โฮโจเห็นการทดลองนี้เข้าก็ดีใจที่ลูเครเซียหยิบของเสียจากงานวิจัยของเขามาทดลองต่อ
"จะเอามันมาทดลองในงานวิจัยของเธองั้นสินะ
นักวิทยาศาสตร์ยังไงก็เป็นนักวิทยาศาสตร์วันยังค่ำ เงี้ย ฮ่าๆๆ!!"
ลูเครเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาของโฮโจสุดใจขาดดิ้น
ที่เธอทำไปนั้นเพียงเพื่อช่วยเหลือไม่ให้วินเซนต์ต้องเจ็บปวดทรมาน
แต่การนำเคออสผู้ชำระล้างไลฟ์สตรีมเข้ามาในร่างวินเซนต์นั้นได้นำภาระที่เป็นอันตรายต่อดวงดาวอย่างมหันต์มาให้วินเซนต์แบกรับโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
นอกจากพ่อของเขาแล้วลูเครเซียยังเป็นสาเหตุให้วินเซนต์ต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายไปอีกคน
สุดท้ายลูเครเซียก็ได้แต่เฝ้าขอโทษวินเซนต์ไปตลอดกาล
ลูเครเซียไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เมื่อนึกถึงวันที่ลูกชายของเธอถูกส่งตัวให้ชินระและจะไม่ได้พบกันอีกต่อไป
ลูเครเซียก็แตกสลายอย่างสมบูรณ์
เธอเดินออกจากห้องทดลองแล้วไม่กลับมาอีกเลยนับจากนั้น...
เคออสผู้นำพาโอเมก้าสู่สรวงสวรรค์ |
แล้วสงครามครั้งใหญ่ระหว่างดีพกราวด์และ
WRO
ก็อุบัติขึ้น แผนการของดีพกราวด์คือการปลุกโอเมก้าขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
แต่พวกวินเซนต์ต้องทำการหยุดยั้งไม่ให้โอเมก้าตื่นขึ้นมาชำระล้างดวงดาว
WRO ได้เปิดฉากบุกเข้าชั้นใต้ดินมิดการ์ที่เป็นฐานทัพของดีพกราวด์
โดยพวก WRO
จะคอยรับมือทหารด้านนอกและระเบิดเตาปฏิกรณ์ทั้งแปดไม่ให้ส่งพลังไปที่เตาปฏิกรณ์หมายเลข
0 ส่วนวินเซนต์มีหน้าที่กำจัดซเวียตที่เหลืออีกสี่คน
วินเซนต์ลุยเข้ามาในมิดการ์และสามารถกำจัดรอสโซ่และอาซูลได้
สำหรับเนโรนั้นสามารถควบคุมไลฟ์สตรีมปนเปื้อนซึ่งสูบวัตถุเข้าไปในห้วงมิติอันมืดมิดได้
แม้จะเล่นงานเชลก์และยุฟฟี่ได้โดยไม่ยากเย็นนักแต่ไลฟ์สตรีมปนเปื้อนไม่สามารถใช้กับวินเซนต์ที่มีเคออสอยู่ในร่างได้
เนื่องจากเคออสเองก็ก่อตัวขึ้นจากไลฟ์สตรีมปนเปื้อนเช่นกัน สุดท้ายวินเซนต์ก็สามารถเอาชนะเนโรได้
ตอนนี้เหลือเพียงจักรพรรดิไวส์ที่นั่งนิ่งอยู่บนบัลลังก์กลางห้องโถง เนโรที่ไม่อาจปกป้องพี่ชายได้ลากร่างที่สาหัสจากการต่อสู้เข้าหาแต่ก็ถูกไวส์แทงเข้าใส่
ไวส์เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คุ้นหู
"วินเซนต์
วาเลนไทน์ เราเจอกันอีกจนได้นะ"
เสียงแสบแก้วหูที่เขาไม่มีวันลืมนี้คือมัน... ไอ้โฮโจ!
หลังถูกพวกคลาวด์เล่นงานที่ปืนใหญ่มาโคเมื่อสามปีก่อน
มันได้นำข้อมูลของตนเองเข้ามาในเน็ตเวิร์ค
และหาร่างกายที่แข็งแกร่งพอที่จะรองรับพลังของโอเมก้า
เหมือนกับที่ร่างของวินเซนต์สามารถรองรับเคออสได้เพราะการทดลองของเขา
แล้วโฮโจก็นึกถึงดีพกราวด์แหล่งรวมโซลเยอร์ที่เก่งกาจ
ตอนที่เน็ตเวิร์คล่มไปหลังเมเทโอตกนั้นข้อมูลของเขาได้แตกสลายไปหนหนึ่ง
แต่พอเน็ตเวิร์คกลับมาใช้งานได้ข้อมูลของเขาก็กลับมารวมกันใหม่ โฮโจเรียกสิ่งนี้ว่า
"นีโอรียูเนี่ยน"
และเมื่อไวส์ได้เข้ามาใน SND (Synaptic Net Dive
ซึ่งดีพกราวด์อย่างเชลก์และไวส์ใช้เชื่อมต่อมวลข้อมูลจิต)
ก็เปิดโอกาสให้โฮโจได้เข้ามาครอบครองร่างของผู้นำดีพกราวด์เพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็นหนึ่งเดียวกับโอเมก้านี้
และดีพกราวด์ได้ชิงโปรโตมาทีเรียจากวินเซนต์ก็เพื่อให้ไวส์สามารถควบคุมพลังของโอเมก้าได้
โฮโจระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความภาคภูมิใจในอัจฉริยภาพของตนเอง
ก่อนนำไวส์เข้าต่อสู้กับวินเซนต์ ด้วยความเก่งกาจของผู้เป็นหนึ่งในดีพกราวด์ทำให้วินเซนต์ต่อสู้อย่างยากลำบาก
แต่ลูเครเซียได้ส่งจิตมาช่วยให้วินเซนต์สามารถควบคุมพลังของเคออสได้
ทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสีระหว่างวินเซนต์ผู้มีพลังสถิตย์ของเคออส
กับไวส์ผู้มีพลังสถิตย์ของโอเมก้า แต่แล้วพลังของไวส์ก็ลดลงเพราะตอนที่เขาแทงเนโรนั้น
เนโรได้ปล่อยพลังไลฟ์สตรีมปนเปื้อนเข้าไปปนเปื้อนทำให้พลังของโอเมก้าซึ่งเป็นไลฟ์สตรีมบริสุทธิ์ลดลง
แล้วไวส์ก็กลับมาควบคุมร่างของตนเองได้อีกครั้ง ทำให้จิตของโฮโจสลายไปพร้อมกับเสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นครั้งสุดท้ายของนักวิทยาศาสตร์วิปลาสผู้นี้
ไวส์ดูดเนโรเข้ามาในร่างแล้วเดินลงไปในบ่อมาโค
ก่อนที่ร่างของเขาจะละลายไปในไลฟ์สตรีม
แต่การต่อสู้กลับยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ ไลฟ์สตรีมได้ปะทุขึ้นจากบ่อ
แล้วดูดเอาไลฟ์สตรีมปริมาณมหาศาลจากทั่วทั้งโลกก่อตัวขึ้นเป็นโอเมก้าเหนือฟากฟ้ามิดการ์
พร้อมกันนั้นเคออสก็ได้ตื่นขึ้นตามกลไกที่ดวงดาววางไว้ วินเซนต์ไม่สามารถควบคุมเคออสได้และพุ่งเข้าหาโอเมก้าอย่างคุ้มคลั่ง
ดวงดาวกำลังจะถึงกาลวินาศ เชลก์รีบใช้เน็ตเวิร์คเข้าตามหาโปรโตมาทีเรียที่น่าจะอยู่ในร่างของโอเมก้า
จนกระทั่งความทรงจำของลูเครเซียได้ช่วยให้เธอหาโปรโตมาทีเรียพบและส่งมันคืนเข้าไปในร่างของวินเซนต์ทำให้เขาสามารถควบคุมพลังของเคออสได้เต็มที่แล้ว
พร้อมกับความทรงจำสุดท้ายที่ปรากฏแก่สายตาเขา
วินเซนต์ได้เห็นภาพของเขาและลูเครเซียในทุ่งหญ้าสถานที่ๆพวกเขาเคยพบกันที่นีเบิ้ลไฮม์นั้น
ลูเครเซียได้บอกกับวินเซนต์ว่าตอนนี้เธอเข้าใจความรู้สึกของตัวเองว่าจริงๆแล้วเธอรักใคร
เธอได้ทำเรื่องผิดพลาดไว้มากมายและทำให้วินเซนต์ต้องเจ็บปวดหลายครั้ง
แต่สิ่งที่ทำให้เธอยินดีได้นั่นคือวินเซนต์ยังคงมีชีวิตอยู่
เมื่อตื่นขึ้นภาพของลูเครเซียก็หายไปแล้ว ประโยคเด็ดของลูเครเซีย
"ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่เนอะ"
ที่คอยยกโทษให้กับเขาทุกเรื่องนั้นช่วยเยียวยาจิตใจของเขาตลอดมา
ลูเครเซียเองก็ต้องการให้วินเซนต์อภัยให้กับสิ่งที่เธอทำเช่นกัน
เขาคิดว่าคงถึงเวลาที่เขาจะบอกความรู้สึกของตัวเองกับลูเครเซียเสียที
...หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้จบลง...
วินเซนต์บุกเข้าไปในแกนกลางของโอเมก้าพบกับไวส์ที่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับโอเมก้าอย่างสมบูรณ์แล้ว
วินเซนต์ในร่างเคออสสามารถเอาชนะไวส์ได้ แต่โอเมก้าก็บินขึ้นฟ้า
เป็นสัญญาณของการชำระล้างไลฟ์สตรีม วินเซนต์จึงต้องใช้พลังของเคออสพุ่งเข้าปะทะกับโอเมก้าอย่างรุนแรงเกิดเป็นฝนไลฟ์สตรีมตกไปทั่วดวงดาว
ตอนนี้ทั้งโอเมก้าและเคออสได้กลับคืนสู่ดวงดาวแล้ว ส่วนวินเซนต์ได้หายสาบสูญไป
ระหว่างที่เพื่อนๆกำลังตามหาตัวอยู่นั้น วินเซนต์ได้มาที่ถ้ำผลึกพบกับลูเครเซียเพื่อบอกความในใจของเขา
"ลูเครเซีย
ตอนนี้เรื่องราวมันจบลงแล้วนะ โอเมก้าและเคออสกลับคืนสู่ดวงดาวไปแล้ว
ขอบคุณนะ คุณเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่"
ลูเครเซียผู้รอคอยคำนี้มาตลอดชีวิตถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา
แล้ววินเซนต์ก็กลับไปหาเพื่อนๆที่รอคอยอยู่หลังปลดเปลื้องพันธนาการจิตใจจนหมดสิ้นแล้ว
แล้วการไถ่บาปที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลาเกือบสามสิบปีของพวกเขาทั้งสองก็จบสิ้นลงในที่สุด...
Conceptual Design & Early
Materials
-
อาชีพของวินเซนต์ที่ถูกกำหนดในตอนแรกคือ
Horror Teller (Horror Researcher)
อายุ 25 ปี ใช้เคียวและไรเฟิลเป็นอาวุธ
-
ในตอนแรกกำหนดให้วินเซนต์เป็นนักค้นคว้าเรื่องลึกลับและสามารถเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจประเภทแวมไพร์,
แฟรงเก้นสไตน์, มนุษย์หมาป่า และมัมมี่ ได้
เขาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับโฮโจสมัยเรียนคณะแพทย์ที่มหาวิทยาลัยมิดการ์
บริษัทคู่แข่งได้จ้างให้วินเซนต์มาสืบความลับโฮโจ วินเซนต์จึงอาศัยลูเครเซียผู้ช่วยของโฮโจให้แอบสืบงานของเขา
แต่โฮโจจับได้และใช้ลูเครเซียในการทดลองเจโนวาโปรเจ็คต์ วินเซนต์พยายามเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกทำให้หลับไป
23 ปี เมื่อมาพบกับพวกคลาวด์เขาก็ขอเข้ากลุ่มเพื่อล้างแค้นโฮโจและสืบเรื่องลูเครเซีย
ตัววินเซนต์เองไม่รู้ว่าโฮโจทำอะไรกับร่างของเขา
ตอนที่เขาเปลี่ยนร่างครั้งแรกเพื่อนๆจะพากันตกใจ
แต่เขาจะจำตอนที่ตัวเองเปลี่ยนร่างไม่ได้ แถมวินเซนต์ยังสามารถเปลี่ยนร่างในฉากเดินปกติ
ซึ่งจะมีผลให้คัตซีนเปลี่ยนไปตามร่างที่เปลี่ยนด้วย
-
วินเซนต์ที่ถูกกำหนดในตอนแรกนั้นค่อนข้างขี้หลีและไล่จีบสาวทุกคนในทีม
ตอนออกจากโลงครั้งแรกเขาจะรีบรี่เข้ามาจีบทีฟาและแอริธทันที
"ขอประทานอภัยด้วยครับ
ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบสาวสวยอย่างพวกคุณที่นี่
ยกโทษให้ผมเถอะนะที่ทำให้สุภาพสตรีสุดสวยต้องตกใจ ชื่อของผมคือวินเซนต์ครับ
...วินเซนต์ วาเลนไทน์
เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับหญิงสาวผู้งดงามเช่นนี้หลังตื่นจากการหลับใหลอันยาวนาน"
แต่พอแบเร็ตถามขึ้นบ้างว่าแกมาทำอะไรที่นี่
วินเซนต์ก็ตอบด้วยน้ำเสียงสุดหน่าย "ไม่สุภาพเลยใช่ไหมทุกท่าน
เวลาจะถามคนเขาพูดจากันแบบนี้เหรอครับ?
ดูก็รู้แล้วนี่คุณ ผมก็มานอนไง ถามว่านอนมานานแค่ไหนน่ะเหรอ?
ก็ผมเพิ่งตื่นจะไปรู้ได้ไงว่านี่มันปีอะไรแล้ว?
นอกจากถ่อยแล้วท่าทางคุณจะไม่ค่อยฉลาดด้วยนะ"
(อยากโดนทุบหลับอีกรอบใช่ไหม?)
-
วินเซนต์สวมผ้าคลุมแดงและชุดสีดำสนิทแสดงถึงอดีตที่มืดมนและความตาย
อีกทั้งยังสื่ออิมเมจถึงแวมไพร์อีกด้วย ทั้งนัยน์ตาสีแดงก่ำ
กงเล็บแหลมคม แถมในฉาก
OP ของ Dirge of Cerberus
จะเห็นเครื่องดื่มสีแดงในแก้วข้างๆมือถือของวินเซนต์อีกต่างหาก
-
ในทุกๆภาควินเซนต์จะสวมชุดเดิมที่แสดงความเป็นตัวเขา
และที่สำคัญมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา (หลังแปลงร่างเสร็จ
พอคืนร่างเดิมชุดก็กลับมา)
ชุดที่ประกอบด้วยผ้าหลายชิ้นรวมทั้งผ้าคลุมที่โบกสะบัดพลิ้วไหวตลอดก็เป็นงานหนักในการทำ
CG สำหรับ Advent Children
เหมือนกัน
ทีมงานยังปรับปรุงการขยับปากของเขาอยู่หลายรอบ
แต่สุดท้ายเสื้อคลุมก็บังปากเกือบหมดอยู่ดี
-
ด้วยความเป็นคนโดดเดี่ยวนี้ วินเซนต์คงไม่คิดมาช่วยสู้กับบาฮามุทซินถ้าเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์กับพวกคลาวด์มาก่อน
คุณโนมุระบอกว่าวินเซนต์มีลักษณะคล้ายๆคลาวด์เพียงแต่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า
ทีมงานจึงเลือกคุณโชโกะ ซุซุกิ ที่มีโทนเสียงต่ำเป็นผู้ให้เสียงวินเซนต์ใน
Advent Children
-
ใน
Advent Children วินเซนต์ผูกริบบิ้นสีชมพูที่แขนขวา
-
คุณโนจิม่าเคยเปรียบว่าวินเซนต์เหมือนกับอารอนจาก
FFX
คือปกติเป็นคนพูดน้อย แต่พอถึงคราวต้องพูดก็พูดไม่หยุด
-
ใน
Advent Children ผมของวินเซนต์นุ่มสลวย แต่ใน
Dirge of Cerberus
จะเห็นผมเขาแข็งชี้โด่เด่มากกว่า
-
สำหรับกรีมัวร์ วาเลนไทน์นั้น คุณคิตาเสะต้องการให้เห็นแล้วรู้ว่าคนนี้คือพ่อของวินเซนต์นะ
คุณโนมุระจึงเลือกให้เขาสวมผ้าคลุมของวินเซนต์ และผ้าคาดหัววินเซนต์ยังเป็นผ้าพันคอของกรีมัวร์อีกด้วย
-
ส่วนลูเครเซียที่ถูกออกแบบให้เห็นหน้าชัดๆครั้งแรกใน
Dirge of Cerberus
นั้นคุณโนมุระเล่าว่าเขานำไอเดียออกแบบมาจากภาพโพลิกอนต้นแบบใน
FFVII,
ภาพที่แฟนๆวาดไว้ และหน้าตาของเซฟิรอธ
ซึ่งยังไงก็ต้องหน้าเหมือนแม่มากกว่าพ่อแน่ๆ
Trivia
-
วินเซนต์เก็บปืนที่ซองที่เหน็บไว้ต้นขาขวา
-
วินเซนต์เป็นคนโดดเดี่ยว หลังจบศึกกับเซฟิรอธเขาก็เดินออกจากกลุ่มเพื่อนๆไปเฉยๆเหมือนคนไม่รู้จักกันจนยุฟฟี่โวยขึ้นมาว่าเดินทางด้วยกันมาตั้งนานอยู่ๆจากไปเฉยๆแบบนี้เลยเรอะเฮ้ย!
และเขายังไม่มีโทรศัพท์ใช้จนกระทั่งในภาค
Advent Children มาร์ลีนตกใจที่วินเซนต์ไม่มีมือถือใช้
พี่วินก็เลยต้องรีบไปหามือถือมาใช้กับเขาบ้าง (ขณะบาฮามุทซินกำลังถล่มเมืองเอดจ์อยู่นั้น
พี่วินของเราก็เดินหาร้านมือถือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด) ในภาค
Dirge of Cerberus
จะเห็นว่าเขาใช้มือถือติดต่อกับคนอื่นๆบ่อย แต่ไม่อยากให้ยุฟฟี่โทรมาเพราะรำคาญ
-
แม้อารมณ์ของมนุษย์จะหายไปเยอะ แต่วินเซนต์ก็มีอารมณ์กวีอยู่ไม่น้อย
ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองด้วยแล้วเขาร่ายได้แบบลิเกเลยหละ
หรือไม่ก็หลับมานานเกินไปจึงตามไม่ทันความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกและใช้สำนวนโบราณ
(แต่ข่าวดีก็คือเขามีมือถือแล้ว...)
-
หากเทียบให้ตัวละครมี
HP
max และได้รับ damage
เท่ากันแล้ว ลิมิตเบรกระดับ 4 ของวินเซนต์จะเกจเต็มเร็วที่สุด
-
ใน
Dirge of Cerberus
โหมดออนไลน์ได้เปิดเผยปูมหลังการต่อสู้ของพวกซเวียต และมีสมาชิกซเวียตคนอื่นๆปรากฏตัวขึ้นด้วย
แต่คนที่มีสมญานามเป็นสีมีเฉพาะห้าคนที่ปรากฏตัวในโหมดปกติ
และถือว่าอยู่ในลำดับสูงสุดของดีพกราวด์
-
ใน
Crisis Core สิ่งมหัศจรรย์ของนีเบิ้ลไฮม์ลำดับที่
5 ว่ากันว่ามีเสียงครวญครางดังมาจากทางลับใต้ดินของคฤหาสน์นีเบิ้ลไฮม์
พอแซ็คลองไปสำรวจดูก็พบว่าเป็นเสียงกรนของวินเซนต์ที่ดังออกมาจากโลงนั่นเอง
แต่แซ็คไม่อยากไปกวนคนนอนเลยปล่อยไว้แบบนั้น
-
ในบรรดาตัวละคร
FFVII ทั้งหมด มีเพียงวินเซนต์และเคทซิทที่เป็นสองตัวละครที่สามารถควบคุมได้มากกว่าหนึ่งภาค
คือ FFVII และ Dirge of Cerberus
<กลับไปหน้าหลัก> |