The Outlanders ep0

จาก SuikoFriendWiki, สารานุกรมฟรี

Jump to: navigation, search

ความเดิมชาติที่แล้ว


หลังการต่อสู้ของโล่และดาบในคืนที่เจ็ด ทั้งสองถูกทิ้งให้อยู่ท่ามกลางความมืดมายาวนาน
ความมืดนั้นอยู่มาชั่วกัปชั่วกัลป์ หากแต่โล่และดาบรังเกียจตัวตนของความมืดที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
โล่แห่งผืนแผ่นดินบอกกับดาบว่าเขาจะสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นที่เอาท์แลนด์ เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะถูกร่ำลือไปยังมิตินับล้าน
ดาบตะโกนตอบลงจากฟากฟ้าว่าเขาจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงที่ฮาร์โมเนีย จุดจบครั้งนี้จะถูกเล่าขานไปนานกว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
โล่โต้ตอบว่าเมื่อมีการสิ้นสุด ก็จะเกิดการเริ่มต้นขึ้นใหม่
ดาบแย้งว่าเมื่อมีการเริ่มต้นใหม่ มันก็จะต้องไปถึงจุดสิ้นสุดอีกครั้ง
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างไร้จุดหมาย ส่วนความมืดนั้นได้แต่เฝ้าดูอยู่เงียบๆ...

~จาก Old Book vol.1 นิทานของเครอัส

--Shiryu 23:26, 26 มีนาคม 2009 (ICT)


"........"

".......นี่พวกเราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย?" อุซโซรู้สึกตัวก็พบซุยโคแอสไลฟ์พยายามปลดเสื้อผ้าของเขาอยู่

"ดูนั่นสิพวกเรา" บิ๊กชี้ให้ทุกคนเห็นโลกลอยอยู่กลางอวกาศ

"โลกอยู่ใกล้ขนาดนี้ ถ้างั้นที่พวกเราอยู่นี่ก็....."

"ถูกต้องแล้ว มันคือท้องฟ้าจำลองไงล่ะ"

บิ๊กถูกอายะถีบกลิ้งลงไป "ดวงจันทร์! โมกุริใช้ golden passport ย้ายพวกเรามาที่ดวงจันทร์!!"

"ดวงจันทร์งั้นเหรอ? โมกุริจะย้ายพวกเรามาที่นี่ทำไม?"


แล้วโมกุริก็ปรากฏตัวขึ้น "เพื่อไม่ให้การต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นทำลายโลกซุยโคยูนิเวิร์สจนพินาศ"

"อะไรของแกฟะ?! พวกแกไม่ได้มาเพื่อทำลายโลกของเราเรอะ?"

"ทำลายสิ แต่ถ้ามันพังทลายไปมันก็จะย้อนกลับไปสู่ยุคของโลกใหม่ไม่รู้จบ สิ่งที่เราต้องการคือการทำลายจุดจบแห่งห้วงมิติลำดับที่สี่ เพื่อทำให้โลกนี้สาบสูญไปจาก wire world อย่างสมบูรณ์"


"ออกมาซะ Lunar Deluxe!" อายะเรียกอาวุธประจำตัวออกมาจากต่างมิติเป็นครั้งแรกพร้อมต่อสู้ตัดสินกับโมกุริ

"เธอไม่มีวันเอาชนะฉันได้หรอกอายะ Close the World สามารถฆ่าผู้เล่นทั้งหมดได้ในพริบตาโดยไม่มีร่องรอยของจิตสังหาร, ความทรงจำ หรือสำนึกปรากฏขึ้น ที่พวกเธอสู้กันมาได้จนถึงป่านนี้เพราะเธอเชื่อมต่อกับทุกคนไว้สินะ"

โมกุริจับแขนของอายะยกขึ้น ปรากฏข้อความ "กำจัดโมกุริ" กรีดอยู่บนแขน

"ธรรมดาหลังลบตัวตนออกไปแล้ว ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังสู้กับฉันอยู่ แล้วก็เป็นโอกาสให้ฉันฆ่าได้โดยไม่มีทางตอบโต้ คนพวกนั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นเธอเลยเขียนข้อความไว้เตือนตัวเองตลอดเวลาสินะ แล้วเธอก็ส่งสำนึกรับรู้ไปยังทุกๆคนที่อยู่ในกลุ่มด้วยการเชื่อมต่อ ทำให้ไม่มีใครหลุดไปจากวงจรของการต่อสู้"

"ฮึ่ม..."

"ความสามารถของเธอคือ Authorization ที่ใช้สั่งการกับระบบของโลกนี้โดยตรงเพื่อสร้างเงื่อนไขใดๆก็ได้เท่าที่ทรัพยากรมีอยู่ แล้วเธอก็ใช้มันแบ่งพลังชีวิตของตัวเองให้กับเพื่อนทุกคนในกลุ่ม เพราะงั้นเลยไม่มีใครล้มลงไป หรือกระทั่งอุซโซที่โดนแบล็คเรนเล่นงานเมื่อครู่ก็ฟื้นจากอาการบาดเจ็บเกือบจะทันที"

พวกอุซโซเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมศึกนี้พลังชีวิตของพวกตัวเองถึงมากมายมหาศาลนัก

"ถ้าเธอสู้กับฉันตัวต่อตัวก็อีกเรื่องนึง แต่ตอนนี้เธอต้องคอยประคับประคองให้ทุกคนมีชีวิตรอดจากการต่อสู้นี้ ทำแบบนั้นไม่มีทางชนะหรอกนะอายะ"

ซุยโคแอสไลฟ์โวยขึ้นมาทันที "จริงเหรอเนี่ยอายะ?! แอดมินอายะที่ข้ารู้จักไม่ได้งี่เง่าแบบนี้นะ! ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดก็คือเอาชนะโมกุริให้ได้ไม่ใช่เรอะ?!"

"......ต่อให้กำจัดโมกุริปกป้องโลกนี้ไว้ได้ แต่ถ้าคนที่ต่อสู้ด้วยกันมาจนถึงป่านนี้ตายหมดแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ...." อายะพูดเหมือนกับที่ซึคาสะเคยพูดให้ซุยโคแอสไลฟ์ฟังที่เอาท์แลนด์ทุกประการ "ฉันเคยคิดจะปล่อยให้ตัวเองดับสูญไปกับโลกเก่าที่แตกสลายนั่น แต่เธอเป็นคนที่มอบสิ่งที่เรียกว่าความหวังให้กับฉัน รวมทั้งทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ รวมทั้งทุกๆคนที่ต่อสู้เพื่อโลกนี้จนต้องตายไป แล้วฉันก็มีชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวังอันนั้น....."


"เธออ่อนแอกว่าที่คิดนะอายะ" โมกุริหลบเข้ามิติอื่นไป หายออกไปจากระบบอีกครั้ง

"ยัยขี้ขลาดนั่นหนีไปอีกแล้ว!"

"ระวังไว้นะ! มันอาจจะโจมตีออกมาตอนไหนก็ไม่รู้!"

อายะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาด เธอได้ยินเสียงร่ายคาถาสะท้อนก้องไปมาจากท้องฟ้าลงมายังผืนดิน จากมิติที่ 4 สะท้อนไปยังมิติที่ 5 ที่ 6 ที่ 7... เสียงร่ายเวทสั่นพ้องกับคาบเวลาของห้วงมิติทำเอารู้สึกหนาวถึงกระดูก เมื่อรู้ว่ามันคืออะไรเธอก็หน้าซีดเหมือนตอนที่รู้ว่าซุยสามไปลง PS2

"มีอะไรเหรอ อายะ?"

"หนีไป.... ล็อกเอาท์ออกไปจากระบบซะ!"

"จะบ้าเหรอ อายะ ไม่มีช่วงให้เซฟแบบนี้ขืนล็อกเอาท์ออกไปก็ต้องไปเริ่มเล่นใหม่ตั้งแต่ตอนก่อนสู้กับอัลคาเชลนะ แบบนี้ไม่ต่างกับโดนเจี๋ยนเกมโอเวอร์หรอก" พออุซโซพูดเตือนคนอ่านว่านี่เป็นแค่เกมออนไลน์ อรรถรสก็ถูกทำลายไปอีก 80%

"ยังไงก็เกมโอเวอร์อยู่แล้ว! โมกุริกำลังร่ายจตุรบทแห่งการชำระล้าง! ไม่มีใครในโลกนี้รับคาถาที่แรงที่สุดเท่าที่มีมาใน wire world ได้หรอก!!"

"หา!!!!! O_o!!" ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินที่อายะบอก ส่วนบิ๊กเตรียมแคปภาพสกรีนช็อตคาถาที่ว่าเอาไปใส่คอลเล็คชั่น

"มันมีท่าที่แรงกว่า End of Love ที่เจ๊ระเบิดกาแล็คซี่ทิ้งนั่นอีกเหรอ?"

"อันนั้นมันแค่เอฟเฟ็คย่ะ! แบบไฟนอลไง คาถาสร้างภาพลวงตาว่าทำลายโลกอย่างนู้นอย่างนี้ แต่พอใช้คาถาจบทุกคนกลับมายืนที่เดิม" อายะเป็นแอดมินซุยแต่ดันเอาเอฟเฟ็คไฟนอลมาช่วยอธิบาย "แต่อันนี้มันของจริง! โมกุริคิดจะทำลายพลังชีวิตหลักล้านของฉันให้เกลี้ยงในพริบตาเลยใช้คาถาที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา! เพราะงั้นยัยนั่นถึงต้องย้ายพวกเรามาสู้บนดวงจันทร์ไงเล่า!!!"


ทุกคนหัวหมุนไปชั่วขณะเมื่อได้ฟังคำบรรยายสุดเว่อร์ แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ประตูมิติจำนวนมากถูกเปิดออก ภูติสวรรค์ 99 องค์ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า พากันโบยบินเห็นเป็นลำแสงสีรุ้งสวยงาม (ขณะนี้พวกอุซโซพากันหนีโลก เอาชามานั่งจิบดูความอลังการของจตุรบท)

เหล่าภูติสวรรค์ได้ร่วมกันวาดวงเวทขนาดมหึมาที่มีความละเอียดซับซ้อนแบบที่ต่อให้มนุษย์ทั้งโลกใช้เวลาร่วมร้อยปีก็ไม่มีทางเขียนขึ้นมาได้ แล้วเสียง BGM ประกอบฉากสู้ก็เงียบลงกลายเป็นเสียงเด็กผู้หญิงกำลังสวดมนต์


Streuner, lässt Wind einbringt Sie der ewig drawsiness. 
เหล่าผู้เดินทางจงกลับสู่ห้วงนิทราด้วยเสียงกระซิบแห่งสายลม

บรรยากาศทั้งหมดเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีอันกว้างใหญ่ สายลมหอบเอาพลังของธรรมชาติที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนทั้งหมดที่โลกได้สร้างขึ้นมาโอบล้อมสะกดเอาเวทนา, สัญญา, สังขาร, วิญญาณของทุกคนไปหมดสิ้น ตอนนี้พวกอุซโซไม่สามารถแม้แต่จะป้องกันหรือหลบหลีกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น


Erde und See, schützt bitte die schmerzhaften Seelen bis die nächste Epoche. 
ขอผืนดินและสายน้ำจงปกปักษ์ดวงวิญญาณผองเราสู่โลกหน้า

ลมหมุนเปลี่ยนทิศพัดเอาทัศนียภาพทั้งหมดหายไป สายน้ำหมดทั้งเจ็ดมหาสมุทรหลากพัดมาซัดเอาโลกทั้งหมดตกอยู่กลางวังวนขนาดมหึมา แผ่นดินที่แตกกระจายพากันถาโถมดึงพวกอุซโซลงไปอยู่ใจกลางดวงจันทร์


Dunkelheit und Donner, zerstört bitte alles in dieser verdorbenen Welt. 
ความมืดและสายฟ้าจักชำระล้างมลทินแห่งภพเก่าให้สูญสิ้น

ท้องฟ้าเปลี่ยนสี แสงอาทิตย์ที่เคยส่องสว่างหายไปหมดสิ้น เสียงปีศาจนับแสนนับล้านพากันร้องระงมไปทั่วในดินแดนที่กลายเป็นโลกแห่งความตายในพริบตา แล้วสายฟ้าแห่งความมืดก็ไล่ถล่มทุกสิ่งทุกอย่างแตกกระจุยเป็นผุยผง


Ich würde die neue Welt mit Flamme und Licht schaffen. 
และข้าจักสรรสร้างโลกใหม่ด้วยเปลวเพลิงและแสงสว่าง

ทุกชีวิตถูกทำลายจนหมดสิ้น สายฟ้าที่ถล่มลงมาไม่หยุดเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเปลวเพลิงบิดตัวเป็นเกลียว หอบเอาอณูเล็กๆที่เคยเป็นโลกเก่าหายสาบสูญไปตลอดกาล ห้วงมหาสมุทรเพลิงโหมกระหน่ำอยู่ 7 วันเจ็ดคืนเผาผลาญพันธะสัญญาที่ยังตกค้างในโลกเก่าจนสูญสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้วแสงสว่างก็ส่องลงมา...







99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!!


99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!!


99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!!


99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!!


99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!!


99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!!


99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!! 99999 DMG!!





"ไม่ไหวแล้ว!! ขอโทษด้วยนะทุกคน T-T"


  • Aya is dead!


อายะถูกโจมตีจนพลังชีวิตนับล้านหมดลง หลังจากไม่มีพลังชีวิตส่งมาจากอายะแล้วคนอื่นๆก็ถูกถล่มเกมโอเวอร์ไปทีละคนๆ


  • SuikoAsLife is dead!
  • Big is dead!
  • usso is dead!



...............



แสงสว่างส่องลงมาบนแผ่นดินใหม่ โมกุริลงมาหยุดยืนบนโลกหลังทำลายพวกอายะบนดวงจันทร์ไปหมดสิ้นแล้ว เธอลงมาอยู่หน้าเมดิอุสและซึคาสะที่เพิ่งจะสู้กับแบล็คเรนเสร็จหมาดๆ

"มิ้ว พวกโซซังหายไปไหนหมดล่ะ OwO"

"ถ้าออกมารูปนี้ก็คงถูกยัยนี่กำจัดไปหมดแล้วนั่นแหละ เตรียมตัวให้ดีเถอะซึคาสะเอ๋ย" เมดิอุสหยิบค้อนขึ้นมาเตรียมสู้

"ถ้ากำจัดพวกเธอทั้งสองได้ก็เหลือแค่กำจัดจุดจบแห่งห้วงมิติฯทุกอย่างก็จะจบลงอย่างสมบูรณ์"


แต่โมกุริสัมผัสได้ถึงพลังของพวกอุซโซที่ยังคงเหลืออยู่

"นี่เธอทำได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย..."


อุซโซพังมิติออกมาพร้อมพวกอายะ, บิ๊ก และซุยโคแอสไลฟ์ ทุกคนยังมีชีวิตอยู่และกลับมายังโลกอย่างปลอดภัย แม้แต่อายะก็ทึ่งในพลังของอุซโซที่ทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครทำได้ "เนตรของเธอมัน...."

"ใช่ ตอนนั้นพวกเราถูกฆ่าตายหมดแล้ว แต่เนตรของฉันมองเห็นความตายของทุกคน แล้วก็ทำลายมันทิ้งซะ พวกเราเลยยังคงมีชีวิตอยู่"

ทุกคนในสนามพากันกลุ้มใจกับความเว่อร์ฉิบหายวายป่วงไร้จุดสิ้นสุดของการต่อสู้ครั้งนี้ แบบนี้สู้กันไปอีกชาตินึงก็ไม่มีวันรู้แพ้รู้ชนะ

"บทบรรยายข้างบนอย่าเพิ่งดูถูกความสามารถของพวกเราสิเฟ้ย หนึ่งกระบี่แปรสามแจ้งยังไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาเลยนะ!" ซุยโคแอสไลฟ์รำกระบี่ประกอบจังหวะรองเง็งเข้ามาในฉากหลังถูกอุซโซขโมยซีนมาอย่างยาวนาน

"กะอีแค่คาถาจตุรบทน่ะ ข้าก็ใช้ได้"

"หา?!!" อายะตะลึงตาเหลือก แล้วซุยโคแอสไลฟ์ก็ร่ายรำเพลงกระบี่ขั้นสุดยอด เป็นคาถาสี่บท แต่หนนี้เปลี่ยนจากภาษาเยอรมันเป็นภาษาพื้นเมืองภาคต่างๆเพื่อแสดงความเป็นไทย - -b


ยามสวยหมู่เฮาก่ล้วนละโฮมตุ้ม ตะเว็นแสดผ่านทุ่งข้าว แลทิดเผินกะแม่คำแป้นห้อควายหยั่งซุมแซวมาเว้ามวนซวนหัว
(อีสาน) พอถึงฤดูกาลเกี่ยวข้าวชาวนาก็ออกมาร้องรำ แสงอาทิตย์ส่องผ่านทุ่งนาเห็นข้าวแตกรวง ทิดเผินกับแม่คำแป้นกำลังขี่ควายจีบกัน


หว่างนี่ไข่นุ้ยเอิดลูกอีพ้อไม่สาไหร ลึงลังกันแล่นมามัดก้าเกด ถูกล้อรุนพัดซิเบ้งแพล็ดๆ
(ใต้) เด็กลูกบ้านอีพ้อแห่กันออกมาเล่นหน้าบ้าน บ้างก็ขี่ม้าก้านกล้วย บ้างก็เป่ากบ เสร่อเล่นกลางถนนโดนเกวียนทับตายห่าไปก็เยอะ


ยามมืดวุ่ยวาย เฮาเขาก่กิ๋นเหล้ากิ๋นปลาจ๊าดลำ ผ่อปี๋ตาขนซาวตั๋วยะล่องผ้าต๊วบหื้อแม่อุ้ยป้ออุ้ย
(เหนือ) พอตกเย็นต่างบ้านก็พากันมาล้อมกองไฟ กินเหล้ากินปลา มีผีตาโขนยี่สิบตัวออกมาลอยโคมบูชาบรรพบุรุษ


ยามสิ้นแสงสุริยันจันทร์กระจ่าง เราล้วนพลางหลบอยู่ในคูหา ต่อกะไดเหลียวมองไร้พ่อตา พี่แอบมารุกล้ำน้องจำปี
(กลาง) (ไม่อยากแปล)


หลังจากเอฟเฟ็คจบสิ้นไปแล้วพบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น......


- -

- -a

-v-

- -"

"เห้ย! หลอกให้กุเสียเวลารำเพลงกระบี่บ้าๆนั่นตั้งนานทำไมไม่มีอะไรเลยฟร้า?!!" เม้งโวยใส่กระบี่

แล้วสำนึกกระบี่ก็ดังขึ้นในมโน เป็นเสียงที่มีพลังยิ่งใหญ่นัก

"พลังที่แท้จริงของข้ายังไม่ได้แสดงออกมา เจ้าพร้อมที่จะใช้มันหรือยังล่ะนักรบเอ๋ย?"

"พร้อมตั้งกะก่อนมาสู้แล้วเฟ้ย! บอกมาซิว่าจะเอาพลังที่แท้จริงของแกออกมาจะต้องทำยังไง?"

"กระบี่นี้จะต้องถอดกางเกงใช้ เจ้าต้องถอดกางเกงใช้ ฮ่าฮ่าฮ่า"


.....ซุยโคแอสไลฟ์เขวี้ยงหนึ่งกระบี่ฯลอยออกนอกโลกไปทันที แล้วอาวุธในตำนานก็หายสาบสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์ รอเวลาที่เท็นไคตัวจริงจะมาค้นพบ

ส่วนเมดิอุสยืนน้ำตาไหลพรากๆ อาวุธที่ตัวเองเสียเวลาเดินทางข้ามมานับสิบมิติเพื่อตีขึ้น ต้องมามีอันเป็นไปสุดบัดซบ TvT


"ไร้สาระจริงๆ - -"" โมกุริหายออกจากระบบไปอีกรอบเตรียมลงมือเล่นงานพวกอายะอีกหน

"ทุกคนถอยออกไปเถอะ ฉันรู้วิธีกำจัดโมกุริแล้ว..." แล้วอุซโซก็เข้ามาขโมยซีนตัวเอกอีกหน

"เป็นไปไม่ได้หรอกอุซโซ ไม่มีการโจมตีไหนไปถึงโมกุริหรอก" หลังจากสู้มายาวนานอายะก็เริ่มรู้ซึ้งถึงความขี้โกงไร้เทียมทานของสกิล close the world แต่แววตาอุซโซมีความหวังเต็มเปี่ยมเหมือนนึกอะไรดีๆออก

"พวกเราอยู่ในคนละสถานะกับโมกุริ เพราะงั้นเลยไม่มีทางส่งผลของการโจมตีเข้าไปได้ แต่ถ้าไปอยู่ในสถานะเดียวกันก็อีกเรื่องนึง..."

"หมายความว่าไง?"

ก่อนทุกคนจะได้พูดอะไรอุซโซก็ใช้เนตรมิคสัญญีทำลาย "ความมีตัวตน" ของตนเองทิ้ง แล้วเขาก็ค่อยๆแตกสลายไป

"เฮ้ย!!!"

"ฉันจะเข้าไปอยู่ในระนาบมิติเดียวกับโมกุริ มิติที่ศูนย์ที่หลุดออกจากห้วงมิติทั้งหมดของ wire world โดยสมบูรณ์ ไม่ต้องห่วงไปหรอก ฉันจะหาวิธีกลับมาให้ได้!"



.........



--Shiryu 20:06, 2 เมษายน 2009 (ICT)


อุซโซหลุดเข้ามายังมิติที่ศูนย์ที่มีแต่ความว่างเปล่า ทุกอย่างล้วนขาวโพลน แล้วเขาก็มองเห็นโมกุริในที่สุด

"หึหึหึ... คราวนี้เธอเสร็จแน่" อุซโซทำหน้าลามก แต่ถูกสติฝ่ายดีเตือนว่าไม่ควรนอกใจซุยโคแอสไลฟ์

"อุตส่าห์มาถึงนี่ น่าเสียดายนะที่เปล่าประโยชน์"

อุซโซไม่สนใจที่โมกุริพูด เขายิงลูกพลังใส่ทันที แต่ลูกพลังก็ยังผ่านโมกุริไปเหมือนที่ผ่านๆมา "อ้าว เฮ้ย!"

"ฉันดึงตัวเองขึ้นมาอยู่ในมิติที่ 0.1 ทำให้เรายังคงอยู่คนละมิติกัน เมื่อมี close the world คู่กับ golden passport แล้วไม่ว่าจะเป็นความสามารถแบบไหนก็ไม่สามารถโจมตีฉันได้หรอกนะ"

แววตาของอุซโซที่เพิ่งจะมีความหวังขึ้นมาได้ 2 นาทีกลับไปสิ้นหวังอีกครั้ง อุซโซล้มตัวลงนอนหมดอาลัยตายอยาก


"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ไม่มีทาง ไม่มีทาง ไม่มีทางเอาชนะได้เลยจริงๆ ฉันหมดหนทางแล้ว อยากทำอะไรก็ทำตามสะดวกเลย"

"ก่อนอื่นขอถามอะไรอย่างสิ เนตรสวรรค์ของเธอที่คุยไว้ว่ามองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างน่ะ ...มันมองเห็นอนาคตด้วยหรือเปล่า?"

อุซโซหยุดคิดอยู่พักหนึ่ง คำตอบครั้งนี้อาจพลิกสถานการณ์และชะตากรรมของซุยโคยูนิเวิร์สจากหลังตาตุ่มเป็นหน้ามือเลยทีเดียว

"..............เห็นสิ แต่น่าเสียดายที่ฉันคงไม่ได้อยู่ถึงตอนนั้นแล้วหละนะ ก็โลกคงจะต้องถูกเธอทำลายอยู่แล้วนี่"

"จะอยู่ดูไปทำไม อนาคตของมิตินี้ที่มันเหลือแต่ความพินาศแบบนั้น ไม่ผิดกับโลกแห่งนิทานหรือโลกอื่นๆ สุดท้ายก็เหลือแต่ความพินาศ"

"เหรอ? แต่อนาคตที่ฉันเห็นออกจะสวยงามนะ เธอคิดว่าเนตรสวรรค์จะโกหกเหรอ?"

"โกหกหรือไม่โกหกเดี๋ยวก็รู้ ... Golden Passport เดินทางไปได้แม้แต่ในมโนสำนึกของมนุษย์ ไหนลองโชว์ภาพของโลกอนาคตให้ฉันเห็นซิ"


โมกุริกระโดดเข้าไปในจิตสำนึกของอุซโซทันที แล้วเธอก็มาปรากฏตัวยังทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา และหนองน้ำอันอุดมสมบูรณ์ สายลมใบไม้ร่วงพัดผืนหญ้าเป็นทะเลสีเหลืองทองสวยงามยิ่งนัก

"นี่มัน..."


outlandfield.jpg


แสงอาทิตย์ที่กำลังคล้อยตัวลงต่ำส่องผ่านช่องเขาอันเงียบสงบ กลิ่นเลือดและไอสงครามที่เคยมีหายไปหมด เหลือแต่กลิ่นแมกไม้และไอฝน เมฆหลากสีสรรเคลื่อนตัวช้าๆอยู่บนฟ้า ในขณะที่แสงอาทิตย์สะท้อนบนผืนน้ำทอดเงายาวมาจนถึงปลายเท้า

"นี่แหละ อนาคตของซุยโคยูนิเวิร์สที่ฉันมองเห็นผ่านเนตรสวรรค์มาตลอด"


โมกุริเห็นโลกที่สวยงามนี้แล้วก็ทรุดลงไป

"......."

"นี่มันเหมือนโลกแห่งนิทาน .....เหมือนได้ย้อนกลับไปถึงยุคก่อนที่เรื่องเลวร้ายทั้งหมดจะเกิดขึ้น......"


"ไม่รู้ซิ "


โมกุริน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด "คิดถึงเหลือเกิน ....บ้านของฉัน..... ถ้าสิ่งที่เรากำลังตามหากันมาตลอดมันกำลังจะเกิดขึ้นที่นี่แล้วที่ผ่านมาพวกเราจะต่อสู้ไปเพื่ออะไรล่ะ?!"

"ความสามารถที่มองเห็นอนาคตน่ะไม่มีแก่นสาร อนาคตมีหลายหมื่นล้าน อนาคตที่มีแต่ความพินาศที่เธอมองเห็นก็เป็นหนทางหนึ่ง อนาคตที่สวยงามนี้ก็เป็นอีกหนทางหนึ่ง ก็มีแต่พวกเราในปัจจุบันนี่แหละที่จะสร้างมันออกมาให้เป็นแบบไหน"

อุซโซพูดประโยคสุดเชยแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องพูด


จิตสังหารของโมกุริหายไปเกือบหมดแล้ว มิติรอบตัวแตกสลายลง ทั้งสองคนกลับมาอยู่ตรงหน้าพวกซึคาสะที่ยืนรอกันอยู่เหมือนเดิม


"อุซโซ?!!"

"ตกลงเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน?"


"การต่อสู้จบสิ้นลงแล้วหละ เธอไม่มีความจำเป็นต้องสู้อีกต่อไปแล้ว"





"ไม่จริงหรอก"




"ตราบใดที่ไอ้หมอนั่นยังคงอยู่ ทุกอย่างก็ยังไม่จบสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบหรอกนะ"



ไม่มีใครเข้าใจคำพูดของโมกุริ จนกระทั่งเมดิอุสเตือนขึ้นมา "นี่มันเลยเวลายี่สิบนาทีไปแล้วนี่นา...."

เวลายี่สิบนาทีที่พวกอุซโซต่างลุ้นให้หมดๆไปซะทีสุดท้ายก็หมดลงจริงๆ ถึงเวลาที่ จุดจบแห่งห้วงมิติลำดับที่4 จะตื่นขึ้นมา ล้างเรื่องราวทั้งหมดในโลกให้สาบสูญไปตลอดกาล ตามวิธีสุดท้ายที่จะใช้ปกป้องมิติแห่งนี้แบบที่อายะวางแผนไว้

"ไชโย ไชโย แบบนี้ก็แสดงว่าพวกเราชนะแล้ว \\^o^//"

แต่คราวนี้อายะกลับไม่ได้คิดแบบนั้น แล้วเธอก็เริ่มนึกบางเรื่องขึ้นมาได้

"ของแบบนั้น... มีอยู่ในมิตินี้ด้วยเหรอเนี่ย...."

"มีอะไรเหรออายะ?"

"เราเดินเกมผิดแล้ว จุดจบแห่งห้วงมิติลำดับสุดท้ายไม่ใช่พวกเดียวกับเรา ถึงจะบอกว่ามันเป็นหนึ่งในสี่กลไกที่ช่วยปกป้องมิติแห่งนี้ แต่มีแค่มันที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกแห่งไหนทั้งสิ้น!"

"เอ่อ ถามจริงเหอะ ตกลงทีแรกเจ๊ไม่รู้หรอกเหรอว่าไอ้จุดจบฯเนี่ยมันคืออะไร *-*"

"รู้แค่ว่ามันมีกลไกป้องกันการดับสูญของมิติอยู่สี่อย่าง แต่เราเพิ่งจะนึกออกว่าไอ้อย่างที่สี่เนี่ยมันเป็นใคร... เพราะมันเคยทำให้มิติอื่นย่อยยับมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!!"


"ใช่ โลกแห่งนิทานของฉันก็ด้วย ป่านนี้แล้วเราคงทำอะไรไม่ได้แล้วหละ ขอให้สนุกกับสงครามไร้จุดจบสิ้นไปตลอดกาลนะ เหล่าชาวซุยโคเด็นยูนิเวิร์สทั้งหลาย..."


พอพูดจบโมกุริก็หายตัวไป


"บอกมาอายะ! จุดจบแห่งห้วงมิติลำดับที่สี่มันคืออะไร!? เราต้องช่วยกันหาทางรับมือมันได้แน่!!" ซุยโคแอสไลฟ์กระตุ้นให้เพื่อนๆกลับมาคิดสู้อีกครั้ง

"....แต่ละโลกล้วนมีแรงค์แตกต่างกันออกไป สูงสุดของ FF3 คืออัศวินหัวหอม, สูงสุดของ FFT คือนักเลียนแบบ, สูงสุดของ DQ คือผู้กล้า แล้วพวกเธอคิดว่าแรงค์ที่สูงสุดของโลกนี้คืออะไรกันเหรอ?"

"ไฮพรีทเทสละมั้ง" บิ๊กเดาจากแรงค์ของอายะ แต่อายะส่ายหน้า พร้อมสารภาพว่าเธอเลือกแรงค์นี้เพราะเสื้อผ้าสวยดี

"การ์เดี้ยนควีนซี้~" ซึคาสะตอบโดยอิงหลักการอ.โทริยามะ อะไรที่ออกมาทีหลังล้วนดีกว่า แต่อายะบอกว่าการ์เดี้ยนไม่ใช่ของในมิตินี้ แรงค์นี้ก็นอกรีต

"จอมมารครับ" อุซโซคิดว่าพระเอกเป็นผู้กล้า ตัวโกงก็ควรจะเป็นจอมมาร แต่อายะบอกว่าเกมนี้มีจอมมารแค่ตัวเดียวเท่านั้น และตอนนี้กำลังบริกรรมคาถาบูชาโจวี่อยู่ในนรกอเวจี

"เอซไพลอท ซูเปอร์ก็อดกันดั้ม!" เมดิอุสโดนฟันศอกจนฮาโล่กระเด็นออกจากคอหอย

"แกนนำม็อบพันตะมิดสิ เลือกผู้นำประเทศได้เองเชียวนะ..." ซุยโคแอสไลฟ์โดนตบเกรียนแตกตายอีกรอบก่อนพูดจบ


"แรงค์สูงสุดของโลกนี้คือนักเล่านิทาน..."


พอได้ฟังอายะเฉลยทุกคนก็พากันงงแตกว่านักเล่านิทานมันจะเมพยังไง

"หน้าที่ของนักเล่านิทานคือสร้างสรรค์เรื่องราวต่างๆขึ้นมา ซุนโกคูฟิวชั่นเบจิต้าเบิ้มพลังเป็นซูเปอร์ไซย่าบอมบ์ทิ้งได้ทั้งโลกก็ยังถูกอ.โทริยามะเขียนให้เท่งทึงเมื่อไหร่ก็ได้ฉันใด พวกเราที่ดำเนินเรื่องราวในโลกแห่งนี้ก็ถูกกำหนดโดยชะตากรรมฉันนั้น และนักเล่านิทานก็คือชะตากรรมที่ว่า ....ในโลกแห่งนี้ ....ไม่สิ.. ในโลกอื่นๆทุกหนแห่งล้วนถูกผู้สร้างเรื่องราวกำหนดให้เป็นไป สำหรับพวกเราแล้วหมอนั่นแหละคือพระเจ้าที่แท้จริง....."


มันไม่ได้พยากรณ์ด้วยการมองเห็นอนาคตหรือท่องไปในโลกอนาคต แต่การพยากรณ์ของมันคือการกำหนดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

มันรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างคือเรื่องราวที่มันรังสรรค์ขึ้น และกำหนดให้เป็นไป

มันรู้เรื่องราวในวาระเริ่มต้นของจักรวาลนี้ มันรู้กลไกทั้งหมดทั้งสิ้นของจักรวาลนี้ เพราะมันคือผู้ที่สร้างจักรวาลนี้ขึ้นมา


"เครอัส!"

ซุยโคแอสไลฟ์นึกถึงนักพยากรณ์ผู้หยั่งรู้สรรพสิ่ง แต่ก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันเองที่เป็นจุดจบแห่งห้วงมิติที่พวกเขาสงสัยกันมานาน


แล้วบรรยากาศก็เปลี่ยนไป ฟ้ามืดลง

ฝูงสัตว์น้อยใหญ่พากันอพยพทั้งที่ไม่รู้จะไปทางไหน ถ้าออกนอกโลกได้มันคงพากันออกไปหมดแล้ว


ห้วงมิติทั้งหมดบิดตัวแล้วค่อยๆแหวกออก เหมือนกับถูกหลอมละลาย

แม้แต่เสียงของโลกที่อุซโซได้ยินมาตลอดก็ค่อยๆแผ่วเบาลงไป


"อะไรฟะเนี่ยยยย!"


"อย่ากลัว จากการต่อสู้เมื่อกี้ก็เห็นแล้วนี่ว่าความตายเอาชนะพวกเราไม่ได้ ในโลกนี้ยังจะมีอะไรที่เราต้องกลัวอีกเหรอ?"


..............


ผืนแผ่นดินทั้งทวีปพลิกขึ้น ปรากฏเป็นรูปกายของเครอัสขนาดมหึมาสุดห้วงฟ้าดิน พร้อมกับเสียงที่ไม่ได้ดังมายังพวกอุซโซผ่านการสั่นของอากาศ แต่เหมือนกับถูกฝังเข้ามาในความนึกคิด ราวกับถูกเขียนขึ้น

"ขอต้อนรับเหล่าตัวละครที่รักของข้า ขอบคุณที่ช่วยดำเนินเรื่องราวมาจนถึงตอนจบ"


"แล้วไงฮะ จะให้เรื่องมันจบไปเลยป่ะ?"

"ไม่เอานะ!!" อายะตะโกนห้ามสุดเสียงทันที "ถ้าปล่อยให้มันดำเนินเรื่องราวต่อไปโลกแห่งนี้ก็จะเหมือนกับมิติอื่นๆอีกนับร้อยพัน!"

พวกอุซโซประหลาดใจที่จู่ๆอายะก็หันมาพูดแบบเดียวกับพวกวาก้าบอนด์

"เครอัสเป็นคนเดียวกับคนที่สร้างเรื่องราวในมิติแห่งนิทานแล้วก็เขียนให้มิติแห่งนั้นจบสิ้นลง บุรุษผู้ที่ชาวซุยโคยูนิเวิร์สต่างเรียกเขาว่านักพยากรณ์ แท้จริงแล้วคือนักเล่านิทาน และเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพียงเรื่องที่เครอัสผู้นี้เป็นคนเขียนขึ้นมา"

"เฮ้ย เดี๋ยวๆ พูดงี้หมายความว่าพวกเรา..."

"ถูกต้อง พวกเธอ หรือแม้แต่เราเองก็เป็นแค่ตัวละครที่เครอัสเขียนขึ้นมา พวกเราไม่มีตัวตนจริงๆอยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว"








!!!OAO!!!



ทุกคนอึ้งยิ่งกว่าฉากจบ FFX ไอ้ฟิคนรกนี่มันหักดิบกันได้ร้ายแรงแบบสุดๆ

"ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้ว้าาาาาา"

"เขียนทุเรศขนาดนี้ข้าว่าไอ้คนแต่งต้องโดนเอาขี้ปา"

"มันไม่กลัวหรอก มันเลิกเข้าบอร์ดแล้ว มีคนเข้ามาด่ามันก็ไม่ได้ยินหรอก"

"ที่สำคัญกว่านั้นข้าว่าคนเขาเลิกอ่านวิกิกันหมดแล้วว่ะ เขียนอะไรสากๆลงไปก็ไม่มีใครเห็นหรอก"

...บทพูดของไอ้พวกนี้ช่างทำลายความหวังของชีวิตยิ่งนัก


เครอัสเริ่มเอาโลกมาทำปากกา แล้วเอานภามาแทนกระดาษ เอาน้ำหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด แล้วเริ่มเขียนเรื่องต่อ.... Epilogue ของเรื่องนี้



--Shiryu 18:56, 8 เมษายน 2009 (ICT)


"จะสู้มั้ย?"

"ไม่รู้ว่ะ แต่เรายังมีทางเลือกอื่นอีกเรอะ?" บิ๊กชักอาวุธขึ้นมาหนึ่งดุ้นทันที

"แต่ถ้ากำจัดเครอัส มิตินี้ก็จะแตกสลายทันที เพราะทั้งมาเธอร์คอร์ทั้งพวกผู้เล่นสายเลือดใหม่ก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว"

พอเมดิอุสทักขึ้นทุกคนก็พากันคอตก "เออ จริงด้วยฟ่ะ..."

"ไม่มีทางออกอื่นเลยรึไง อายะซัง?"

อายะล็อกเอาท์ออกไปปลีกวิเวก เข้าวัด ฟังธรรม กินเหล้า ไล่จับหมา ร้องคาราโอเกะ ปล่อยให้ผู้เล่นรุ่นใหม่สานต่อเกมนี้ต่อไป (หนีความจริงกันง่ายๆแบบนี้เลยเว้ยเฮ้ย)

"สิ้นหวังแล้ว!! สิ้นหวังกับตอนจบของภาคนี้แล้ว!!!"


"จะสิ้นหวังกันไปทำไมล่ะคุณ? ปล่อยให้มันจบไปแบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ?" เครอัสก้มลงมาถามด้วยสำนวนชาวบ้านๆ ทั้งที่ทุกคนคิดว่าบอสเทพควรมีเอกลักษณ์การพูดแบบเทพๆยิ่งกว่านี้

บิ๊กทักท้วง "ไม่อาววว ปาหมอนเราไม่อาววว ข้ายอมจูบกับยัยป้าทากิ, ถูกอีป้ากามวิปริตไล่ฟัดกลางทะเลสาป, โดนหัวหอมจิ้มหัวทะลุตูดแพ้ใน4วิ ตายอ้าปากทุเรศทุรัง, ฯลฯ แต่ข้าไม่อยากโดนหมอนขว้างเฟ้ย!!!"

ทุกคนหันไปมองบิ๊กที่ลำดับ priority ความกลัวได้วิปริตมนุษย์ยิ่งนัก

"งั้นเดี๋ยวจะให้ดูอนาคตนะ แล้วทุกคนจะอยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ"

เครอัสส่งทุกคนไปยังโลกในอนาคตทันที ทั้งปัจจุบันและอนาคตก็ล้วนเป็นสิ่งที่เขาเขียนขึ้น การส่งตัวละครของตัวเองไปไหนก็ไม่ใช่เรื่องยาก


"ที่นี่มันที่ไหนกัน?"

ทุกคนมาอยู่ ณ ฮาร์โมเนีย เห็นโฟลวยืนเหลาดาบเวรี่เวรี่มาซามุเนะอยู่กลางห้อง

"นี่คือศัตรูที่จะทำลายล้างซุยโคยูนิเวิร์สในอนาคต ด้วยกำลังของผู้เล่นทั้งหมดแล้วไม่มีทางเอาชนะมันได้"

"อะ จริงอ่ะ ไก่ตัวนี้อ่ะนะ ไหนส่งหนูไปลองกระทืบมันเด๊ะ -*-" ซึคาสะอยากลองบู๊ดูก่อนปิดเรื่องอีกสักรอบ ได้ความสามารถเทพมาไม่ทันไรจะจบซะแล้ว

แล้วเครอัสก็ทำตามคำขอ ส่งซึคาสะพร้อมด้วยซุยโคแอสไลฟ์และเมดิอุสลงมาสู้กับโฟลวเพื่อให้ลิ้มรสความ "เมพ" ของผู้ชำระล้างในอนาคต


tsukasa + SuikoAsLife + Medius V.S. FLOW


"พวกแกเป็นใคร? ในวฏปราสาทนี่ยังมีคนเหลืออยู่อีกเหรอเนี่ย คิดว่าเจี๋ยนไปหมดแล้วซะอีก เอ้าช่างเหอะ อุ่นเครื่องก่อนเจ้าหลอด ริโอวเข้ามาก็ดีเหมือนกัน" โฟลวชักดาบออกมาแกว่งหนึ่งที คลื่นพลังสะบัดไปโดนอาชตาตที่ฟาเลน่าตาย (เป็นไงเมพมั้ย?)

ซึคาสะไม่รอช้า ปลุกพลังเอเดนยิงถล่มใส่โฟลวทันที พร้อมเก๊กท่าชนะทันใด

....แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"แง้ว! อันบีลีฟเอเบิ้ล!! O_o มันไม่เป็นไรเลยเหรอ?! นี่มันเป็นเพราะอะไรกัน???"

"เพราะอะไรงั้นรึ? จะบอกเหตุผลให้ก็ได้ เพราะข้า...เมพไงล่ะ"

ซึคาสะโดนแองเจิ้ลไร้ใจหอบไปนรกตรุทาทารุสทันที หายจากการต่อสู้ไปหนึ่งคนอย่างรวดเร็ว

"บัดซบ!! แบบนี้ต้องใช้ของวิเศษที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่โดราเอม่อนเคยควักออกมา.... ปุ่มเผด็จการ!!" เมดิอุสกดปุ่มเผด็จการลบโฟลวหายไปทันที แต่โฟลวก็กลับมาได้ในพริบตา "นี่มันอะไรกัน?!"

"ทำไมข้าถึงกลับมาได้น่ะรึ? เพราะข้า....เมพไงล่ะ"

เมดิอุสรับไม่ได้กับความเมพไร้เหตุผล หยิบของวิเศษชิ้นต่อไปออกมาคอมโบต่อเนื่องทันที "ตู้โทรศัพท์สั่งโลก! ขอให้กำลังของโฟลวลดลงครึ่งหนึ่ง!!"

แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น โฟลวฟาดดาบลงมาผ่าใส่พื้นวฏปราสาท ทะลุออกไปอีกซีกโลกหนึ่ง โดนเอเนลูที่อยู่บนดวงจันทร์ตาย

"ถึงข้าจะอ่อนแอลงครึ่งหนึ่ง แต่พลังของข้าก็ยังมากกว่าเจ้าหลายล้านๆๆๆๆๆเท่า ครึ่งหนึ่งของอนันต์ก็คือนันต์ ข้าเมพ ข้าเมพ"

เมดิอุสโดนเมเทโอชาวเวอร์ถล่มจมธรณีกลายเป็นฟอสซิล ถูกนำไปตั้งโชว์ที่กาฬสินธุ์ให้เด็กๆเข้ามาดูกัน

"งั้นต้องลองทำลายคอนเนคชั่น เพลงกระบี่ขั้นสุดยอด ไร้กระบี่เทพยุทธ์จอมราชันย์หนึ่งเดียวสู่ความว่างเปล่า!" เม้งออกท่าที่ตั้งชื่อกันสดๆฟันคอนเนคชั่นของโฟลวขาดเกลี้ยง

แต่โฟลวก็ไม่พังทลายไปตามกฎจักรวาล ทั้งยังยืนหัวเราะสะใจ มันหลุดออกจากกฎทั้งหมดของจักรวาลไปเพราะอะไรน่ะรึ?

"เพราะข้าเมพไงล่ะ"

orz... ซุยโคแอสไลฟ์รู้ดีว่าไม่ควรคาดหวังกับคำตอบมากนัก

"ไม่ใช่แค่ฝีมือต่อสู้เท่านั้นนะ แม้แต่การวางกลยุทธ์ข้าก็เมพยิ่งกว่าดีแซด เทคนิคการต่อสู้ข้าก็เมพยิ่งกว่าชีริว สกิลก็เมพกว่าโมกุริ ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกแกจะเดินทางมาจากโลกเก่า ทั้งหมดเป็นแผนการของข้าเพื่อเจี๋ยนพวกแกชิงความรู้ความทรงจำทั้งหมดทั้งโลกเก่า โลกนี้ และโลกหน้า เพื่อเป็นบร๊ะเจ้ามหาเมพเซโฟลวรอธอย่างสมบูรณ์ไงล่ะ โง่เง่าเต่าตุ่นอย่างพวกแกทุกคนน่ะถูกเมพผู้มีสติปัญญาเหนือล้ำเช่นข้าหลอกใช้ นี่แหละคือความเมพเหนือเมพไร้เทียมทาน เมพ~ เมพ~"

ซุยโคแอสไลฟ์ยอมเอาหัวโขกกำแพงตายเองเพราะทนความเมพของมันไม่ไหว -*-


แล้วทั้งสามคนก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด...


ทั้งหมดกลับมาหาเครอัสที่มิติเดิม เหงื่อแตกพลั่กๆเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้าย

"ไปเห็นอะไรมาเหรอซือจัง?"

"อนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นเลวร้ายมาก =w=" (เหรอ?)

"แต่เราก็ยังมีวิธีแก้ไขอนาคตนั่นอยู่! เรามีวิธีกำจัดโฟลวได้!!"

ทุกคนฮือตามซุยโคแอสไลฟ์ทันที

"เฮ้ย เครอัส ส่งเราไปอนาคตอีกรอบเซะ! ขอเป็นในโลกแห่งความจริงนะ!"

"ได้ซิ พวกเจ้าเป็นตัวละครที่ถูกเขียนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโลกไหนก็ล้วนเป็นสิ่งที่ข้ากำหนดขึ้นทั้งนั้นแหละ จะทำไงก็แก้ไขอนาคตสุดอัปรีย์ที่ข้าร่างไว้ไม่ได้ร้อก" เครอัสส่งพวกซุยโคแอสไลฟ์ไปอนาคตอีกรอบเสร็จก็เดินไปชงบะหมี่


หนนี้ซุยโคแอสไลฟ์, อุซโซ และบิ๊ก เดินทางมายังบ้านของเม้งในโลกแห่งความจริง ตอนนี้พวกเขาเป็นมดทำหน้าที่คุมระบบแทนทีมของอายะแล้ว เม้งโทรศัพท์หาอาร์คโซลทันที "เฮ้ย ปอนด์ๆ มีรายชื่อกับข้อมูลคนที่ลงทะเบียนเล่นเกมไว้ป่าว?"

"มีเสะ คนทำหน้าที่ registration เก็บข้อมูลคนเล่นไว้หมดแหละ"

"ส่งข้อมูลโฟลวมาเด๊ะ"

อาร์คโซลแฟ็กซ์ข้อมูลชื่อ ที่อยู่ ประวัติการศึกษา และ IP ของโฟลวส่งให้เม้งทันที

"เราจะไปกระทืบโฟลวที่บ้านกัน!"

"โอ้วววววว เป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดโค่ดๆ ต่อให้ในเกมเมพแค่ไหนตัวจริงก็เป็นไก่ธรรมดา~!"

ทั้งสามกรูกันขึ้นโตโยต้าของบิ๊กไปบ้านโฟลว เมื่อเคาะบ้านโฟลวก็เปิดประตูมา

"มาหาใครครับ?"

"ตายซะ ย้าก!!!" บึ้ก!

โฟลวถูกอุซโซชกหมัด 5000 ปอนด์ใส่ จบชีวิตลงทันที

  • ด้วยเหตุนี้ภาค FF จึงไม่มีคนแต่งต่อ "อูยย.. ข้าจะรอให้บอร์ดเก่ากลับมาซะก่อนแล้วค่อยลงฟิคฉลองต่างหาก...แหงก!" <<งั้นก็คงไม่ได้ลงแล้วหละ

"เฮ เฮ กำจัดโฟลวได้แล้ว \\^^//\\^^//\\^^//"


"เราขอจับกุมพวกคุณข้อหาฆ่าไก่ตายโดยเจตนาและไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน"


....มดทั้งสามถูกจับ เกมซุยโคยูนิเวิร์สต้องปิดตัวลงทันที


ภาพ:Modarrested.jpg



"เครอัสโว้ยยยยย ส่งตูกลับไป อนาคตแบบนี้ก็ไม่เอาาาา!!"

พวกซุยโคแอสไลฟ์กลับมาที่โลกเก่าอีกรอบ

"ไงล่ะ ก็บอกแล้วว่าพวกแกหลีกหนีหายนะของซุยโคยูนิเวิร์สไม่พ้นหรอก ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน"

เครอัสหัวเราะ ภาพ:Icon_lol.gif


"ยังมีอีกคนนึงที่จะช่วยกู้โลกกู้จักรวาลได้ ดาวเท็นไคยังไงล่ะ!!"

พออุซโซพูดถึงเท็นไคทุกคนก็เริ่มมีความหวังขึ้นมา ถึงพวกเขาจะก้าวข้ามชะตากรรมไม่ได้ แต่ดาวเท็นไคที่มีพลังดาราเจิดจรัสต้องทำได้แน่นอน

"อ้อ ดาวเท็นไคของพวกแกน่ะกลับบ้านไปแล้ว"

"-___- หือ?"

"เป้าหมายของเจ้านั่นคือเข้ามาตามหญิง หลังจบเหตุการณ์ที่ฟาเลน่าก็ออกจากเกมไปกินอยู่กับแฟนมันแล้ว lol"

"อะจ๊ากกก! หลังจากนั้นไม่มีแกนนำดำเนินเรื่องต่อแล้วเรอะ?!"

"ไม่มีจ้ะ เนื้อเรื่องซุยโคยูนิเวิร์สน่ะ จบตั้งแต่ภาคฟาเลน่าแล้ว ที่เหลือเป็นเพียงความฝันของโฟลวที่เสียใจที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในเกม" (คุ้นๆเหมือนตอนจบปลอมของเรื่องอะไรหว่า?)

"ย้ากกกกกก!!! ไอ้หลอดริโอว เอ็งหนีไปเสพสุขกับน้องเศษไม้สองคนแบบนี้ได้ไงฟร้า!!!!" อุซโซเบ่งพลัง กล้ามปะทุด้วยความบ้าคลั่ง

"ไม่ใช่ๆ น้องเศษไม้หันไปเอาดีในวงการมวยปล้ำ หลอดริโอวเลยฉวยโอกาสหนีมาแล้วเอาหินปิดหน้าประตูบ้านเศษไม้ไว้ ไม่ให้ออกมาตามเขา" เครอัสยิ่งเล่าเนื้อเรื่องยิ่งห่วยลงๆ...

"งั้นหลอดก็ลงเอยกับน้องป.เหรอ? O_o" ซึคาสะเดาต่อ

"ไม่ถูกๆ น้องป.ได้แฟนใหม่ หมดทุกข์หมดโศกไปแล้ว"

"หรือหลอดจะคู่กับนางลัดดา???" เมดิอุสเดาส่งเดช

"(นางลัดดามันใครวะ?) หลอดริโอวตัดสินใจลงเอยกับซาซาไร หนีตามกันไปปลูกกระท่อมเปลี่ยวที่ระนองแล้ว"

ขณะนี้เน็กกำลังแกะปูป้อนเข้าปากหลอดที่นอนหนุนตักอยู่อย่างมีความสุข "พี่เน็ก... ผมอยู่ระยองมา 16 ปียังไม่เคยกินปูตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย... ~__~"

ทุกคนที่เห็นภาพอนาคตที่ว่านี้ก็รู้สึกโดนมหาเวทอัดเข้ากระหม่อมอีกรอบ DMG มหาศาลนอนตายกันระเนระนาด..... OTL OTL OTL OTL


"ไม่เอาแล้ว อนาคตอะไรก็ไม่อยากเห็นทั้งนั้นแล้ว จะจบก็จบไปเหอะ TT-TT"


................

ทั้งหมดที่ผ่านมาไม่ใช่ความเป็นจริง เช่นนี้แล้วการมีอยู่ของพวกเราก็ล้วนไร้ความหมาย

ซุยโคแอสไลฟ์ที่เคยมอบความหวังให้กับอายะที่แผ่นดินรกร้างของเอาท์แลนด์นั้นก็ไม่มีอยู่จริง

แม้แต่แววตาที่โหยหาอนาคตอย่างแรงกล้านั้นแท้จริงก็เป็นเพียงฉากหนึ่งที่ถูกกำหนดให้มีขึ้นมาตามประสงค์ของความจริงแท้ที่มีเพียงหนึ่งเดียว

ความจริงแท้ที่อยู่มาชั่วกาล อยู่มาตั้งแต่สมัยที่โล่และดาบยังไม่ถือกำเนิดขึ้น

อยู่อย่างไร้จุดเริ่มต้น (Eternal) และไร้จุดสิ้นสุด (Permanance)

เป็นตัวตนอันเด็ดขาด (Oneness) และมีเพียงหนึ่งเดียว (Singularity)

มีอำนาจเหนือทุกสรรพสิ่ง (Omnipotence) รอบรู้สิ่งสรรพทั้งมวล (Omniscience) และดำรงอยู่ด้วยตนเองไม่พึ่งพาสิ่งใด (Self-Subsistance)

"ความมืด"

ตัวตนของนักเล่านิทานก็คือความมืดที่เฝ้าดูกาลอวกาศของห้วงมิติทั้งมวลมานับแต่ยุคดึกดำบรรพ์


"โกหก! ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่ถูกอุปโลกขึ้นมาแค่นั้นเองจริงๆน่ะเหรอ!!"

เมื่อสูญเสีย determination ไปอายะก็ทรุดลง

"ไหนสัญญาไว้แล้วว่าจะเข้มแข็งไงอายะ ...ไอ้คนเขียนเรื่องมันบัดซบ! ไม่ว่าตัวละครจะพยายามยังไงตอนจบมันก็ยังบัดซบ! ทางเดียวที่จะแก้ไขมันได้ก็คือกระทืบไอ้คนเขียนซะ!!"

ซุยโคแอสไลฟ์กระโจนเข้าใส่หมายปลิดชีพเครอัส เขาคิดว่าต่อให้กำจัดคนเขียนเรื่องแล้วมิตินี้หายไปก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันดำเนินไปเน่าๆ

"ทั้งที่ข้าเคยเชื่อมั่นในชะตากรรม! แต่พอได้รู้ว่าตัวจริงของชะตากรรมมันเป็นแบบนี้แล้วข้าอยากกระทืบตัวเองที่มันเคยโง่เง่านัก!!"

"เฮ่ๆ แกเป็นตัวละครที่ข้าสร้างขึ้นมา ทำยังไงก็เอาชนะข้าไม่ได้หรอกนะ"

ซุยโคแอสไลฟ์เชื่อมั่นต่อจุดหมายปลายทางของเขาอย่างถึงที่สุดจึงต่อสู้มาตลอด แต่สุดท้ายทุกอย่างมันก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วโดยที่เขาต้องมากลายเป็นหนึ่งในแกนหลักที่ทำให้เรื่องราวมันดำเนินมา เขาระเบิดพลังของหนึ่งกระบี่ออกมาแบบไม่มีกระบี่ในมือ ฟันใส่เครอัสอย่างจัง ส่วนของเครอัสที่ถูกฟันแตกสลายออกแต่ก็รวมตัวกันใหม่เหมือนฟันอากาศ แต่ปลายมีดที่เม้งถืออยู่กลับค่อยๆแตกออกไปเรื่อยๆลามมาถึงตัวคนถือ "อะไรกัน!!!"

"ข้าเปลี่ยนบทละ ขอเขียนให้แกตาย!"


ร่างของซุยโคแอสไลฟ์แหลกกระจุยเป็นผุยผงไปในพริบตา ต่อหน้าอายะที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

"ไม่นะ!!!!"

ในที่สุดสกิล Authorization ของอายะก็ทำงานขึ้น

พลังของอายะสามารถสั่งการระบบโดยตรงได้ ทีแรกเธอคิดว่าขอแค่กำจัดวาก้าบอนด์ได้หมด ไม่ว่าจะสูญเสียไปมากแค่ไหนก็อาจมีวันที่ฟื้นฟูทุกอย่างกลับมาได้

แต่ตอนนี้เรื่องมันมาไกลเกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้แล้ว จิตปรารถนาของอายะส่งไปถึงระบบกระตุ้นให้เกมทำการรีเซ็ตตัวเองกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่อีกรอบ

"จะต้องฝ่าฟันความยากลำบากทั้งปวงอีกสักกี่ร้อยกี่พันรอบฉันก็จะทำ! ฉันไม่ยอมให้มันจบลงแบบนี้เด็ดขาด! ในการดำเนินเรื่องสักล้านครั้งจะต้องมีสักครั้งที่เราแก้ไขอนาคตได้แน่นอน!!"


แล้วเรื่องราวทั้งหมด รวมทั้งความทรงจำทั้งหมดของทุกคนก็ถูกรีเซ็ตกลับไป...



TO BE CONTINUED>>




















--Shiryu 00:00, 22 เมษายน 2009 (ICT)


หลังจากดำเนินเรื่องวนไปวนมาตั้งแต่ ep1 ยัน ep0 ครบ 99 รอบ (เป็นไงเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากแบบที่ศึกที่ผ่านมาเทียบไม่ติด ใช่มั้ย ใช่มั้ย) ซึคาสะก็กระเด็นออกจากลูปมา "โดนลูปถุย มู่~ \\=w=//"

"ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย?"

รอบตัวซึคาสะมีแต่ความมืดมิด ที่นี่ไม่ใช่โลกไหนๆ ไม่ใช่ยุคกาลเวลาใดๆ เป็นสถานที่ที่หลุดออกจากระบบทั้งหมดอย่างสมบูรณ์

"..........ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย?"


เอามือถือขึ้นมาดูก็ไม่มีสัญญาณ ตะโกนเรียกใครก็ไม่มีเสียงตอบรับ ซึคาสะไม่รู้จะทำไงต่อเลยได้แต่พูดสคริปต์เดิมซ้ำไปซ้ำมา

"......................ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ยยยยย TwT"




"นี่คือมิติแห่งการปาหมอนยังไงล่ะ เป็นอีกมิติที่ข้าสร้างขึ้นมาหลังโลกเดิมนั้นดับสูญไปแล้ว เผื่อไว้ให้คนอ่านที่ยังคาใจมีอะไรให้อ่านเล่นแก้เซ็งมั่ง แบบตอนจบชาแมนคิงไง พอปาหมอนเสร็จก็ยังมีเจ้าหญิงฮาโอให้ดูต่อ ^^ เป็นไงบร๊ะเจ้าเมตตาท่านเสมอ"

เครอัสโผล่มาตอแหลไม่หยุดหย่อน

"แล้วทำไมถึงเหลือหนูคนเดียวล่ะมุ TwT ทุกคนหายไปไหนกันหมด~"

"ทุกคนก็ล้วนกระจัดกระจายไปอยู่ในโลกที่ว่างเปล่าแบบเดียวกันนี่ แต่ก็ล้วนไม่สามารถสัมผัสถึงกันได้อีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่พวกเจ้าจะรับรู้ได้เช่นเดียวกันก็คือตัวตนอันเด็ดขาดเพียงหนึ่งเดียว หรือก็คือข้านี่แหละ"

"..................."

"แม้โลกแห่งความจริงพวกเราล้วนมีความเชื่อแตกต่างกันออกไป แต่โลกทั้งหมดใน wire world นั้นกำเนิดมาจากสิ่งเดียวกัน"

"อำนาจที่ไร้ขอบเขตหนึ่งเดียวนั้นก็คือท่านสินะ..."

"ถูกต้องแล้ว ด้วยเหตุนี้ผู้คนมากมายถึงหลั่งใหลกันออกจากโลกแห่งความจริงเพื่อเข้าสู่ wire world แห่งนี้ เพราะที่นี่มีพระเจ้าที่แท้จริง พระเจ้าที่จะทำลายขอบเขตและพันธนาการแห่งความแตกต่างทั้งสิ้นของสรรพสิ่งทั้งมวล..."

"ไอ้โกหก!"


"?"

"ถ้าแกเป็นอำนาจหนึ่งเดียวที่ไร้ผู้ต่อต้านจริง แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าพวกเรารู้ว่าแกไม่รู้ว่าพวกเรากำลังเล่นละครให้แกเชื่อว่าเรากำลังเดินไปตามเกมของแกจริงๆล่ะ?"

"(ไม่รู้เรื่องเว้ยเฮ้ย) ถ้าเจ้ากำลังคิดว่าข้าไม่รู้นั่นก็หมายถึงเจ้าถูกกำหนดให้คิดว่าข้าไม่รู้ ทุกอย่างล้วนเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง"

"เปล่า แกไม่รู้จริงๆ เอ้า เมดิซัง ออกมาได้แล้ว"

เมดิอุสเปิดประตูสารพัดสถานที่พาทุกๆคนกลับมายังสถานที่ๆซึคาสะคุยกับเครอัสอยู่ "หลุดจากมิติไปไหนต่อไหนก็ไม่เกินแรงของประตูสารพัดสถานที่ที่ข้าอัพเดท database ของจักรวาลลงไปแล้วหรอกน่อ ขอแค่รู้ว่าพวกเราไปอยู่ที่ไหนกันบ้างยังไงก็กลับมาพบกันอยู่ดี"

เมดิอุสใช้ช่วงเวลาที่หายตัวไปกับแรทเซลและบิ๊กสองเดือน(ตอน ep6) สั่งสมข้อมูลของโลกต่างๆเท่าที่จะรวบรวมได้ แล้วก็โชคดีที่ข้อมูลกลุ่มใหญ่ถูกรวมไว้ใน the world dismantling ที่เครอัสมันเขียนเอาไว้เอง (อ้าว โง่นิ)

"หึหึหึ การที่พวกเจ้ากลับมาที่นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้ากำหนดขึ้น..."

"เลิกโกหกได้แล้ว!! แกไม่ใช่คนกำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่งั้นลองตอบมาซิว่าเมดิอุสหาคนอื่นๆเจอได้ยังไง?"

".......หมอนั่นใช้สเคาน์เตอร์จับพลัง"

"นั่นเป็นคำตอบที่เรานึกไว้ในใจเพื่อหลอกให้แกตอบออกมา ที่แท้แกก็แค่มองเห็นความนึกคิดของพวกเราผ่านทางโปรแกรมแล้วแปรผลออกมาเป็นภาพลวงตาทั้งหลาย เล่นสนุกกับจิตใจที่หวาดกลัวอำนาจไร้ผู้ต่อต้าน แล้วใช้ตรรกะหลอกให้ทุกคนเชื่อว่าแกเป็นพระเจ้าของ wire world จริงๆ"

ซุยโคแอสไลฟ์ออกมาเฉลยสาเหตุที่ทำให้เมดิสามารถไปตามทุกคนกลับมาได้ "เฉลยครับผม ตอนที่เรื่องมันหมุนไปมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ข้าสัมผัสได้ว่าซึคาสะหลุดออกจากลูปไม่รู้จบไป"

"..............."

"คอนเนคชั่นไงล่ะ พอคอนเนคชั่นของซึคาสะหายไปข้าก็บอกอายะเรื่องนี้ เธอรู้ว่าซึคาสะมีพลังอย่างหนึ่งที่อยู่เหนือการเล่นตลกของชะตากรรม แล้วรู้ว่าเครอัสจะเล่นละครลวงตาซึคาสะเพื่อดึงกลับเข้ามาในลูปยังไงมั่ง เธอเลยให้เมดิอุสประกบคู่กับข้าไว้ พอทุกคนกระจัดกระจายกันไปด้วย phantasm (วาระลวงตา) ของเครอัส ข้าก็สัมผัสคอนเนคชั่นถึงคนอื่นๆทำให้เมดิอุสตามตัวทุกคนกลับมาได้ No matter where we are, we're all connected เฟ้ย!"


เครอัสพูดไม่ออก.....

แล้วอายะก็เสริมต่อ "และสิ่งที่ทำให้ซึคาสะหลุดออกมาจากห้วงชะตากรรมทั้งหลายนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์เป็นปัจเจกจากสิ่งอื่นที่ถูกสร้างมาและทำให้เป็นไปตามกลไกทั้งหลาย ... "เจตจำนงเสรี" ไงล่ะ!"

ตอนนี้พวกอุซโซนึกถึงคำที่แรทเซลบอกกลางสมรภูมิเอาท์แลนด์ตอนนั้น

ว่ากันว่าทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลถูกกำหนดขึ้นมาตั้งแต่แรกที่จักรวาลถูกสร้างขึ้น ตั้งแต่การเกิดพายุไปจนถึงการไหวของใบหญ้า แต่สิ่งเดียวที่ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ด้วยชะตากรรมคือเจตจำนงเสรีของมนุษย์ สิ่งนั้นแหละที่ทำให้มนุษย์มีค่า

"เพราะเธอไม่เคยเชื่อ ไม่เคยก้มหน้ายอมรับโชคชะตา ยึดมั่นในความยิ่งใหญ่ของมนุษย์เหนืออื่นใด ด้วยพลังของเจตจำนงเสรีมหาศาลขนาดที่เคยเรียกคาออสออกมาได้นี่แหละ ทำให้ซึคาสะหลุดจากบ่วงละครบ้าๆนั่นออกไป และนั่นทำให้พวกเราเริ่มเชื่อว่าเครอัสไม่ใช่ความเป็นจริง"


เครอัสตะลึงไปเล็กน้อย ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีใครเอาชนะ phantasm ของเขาได้มาก่อน



แล้วอุซโซก็ก้าวออกมายืนมอง "พระเจ้า" อยู่พักหนึ่ง

"มองเห็นอะไรดีๆแล้วใช่ไหมอุซโซ?"


"เห็นแล้ว ....ตัวจริงของเครอัสคือ [ความไม่จริง] ....เรื่องทั้งหมดที่มันเล่ามาไม่มีอะไรเป็นจริงแม้แต่ประโยคเดียว...."

ตอนนี้เนตรสวรรค์มองเห็นตัวตนของเครอัสแล้ว เมื่อมองเห็นได้นั่นหมายความว่าเขาสามารถทำลายมันได้ แล้วอุซโซก็ก้าวเข้าไปหา "พระเจ้า" เตรียมลงมือสังหาร


"ลุยมันเลยโซซัง!!"

"เฮอะๆ ตกลงแล้วใครกันแน่ที่ไม่มีจริง"

"เจ้านักเล่านิทาน ลองฟังนิทานของมนุษย์กากๆดูสักเรื่องไหม...."

แล้วอุซโซก็เริ่มเล่าเรื่องของ "ซุยโคเด็น"

"ในอดีตเหล่ามนุษย์ได้ทำการต่อสู้มาอย่างยาวนาน ทั้งต่อสู้เพื่อเป้าหมายของตนเอง ต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งที่ตนรัก ต่อสู้เพื่อยุติการต่อสู้...."


เครอัสเห็นทีจะแย่เลยตัดวิสัยของตัวละครทั้งหมดในพื้นที่ออก ไม่ให้สัมผัสถึงตัวตนของเขาได้


เพล้ง!!


อุซโซทำลาย mana ทิ้งแล้วเดินเข้าหาเครอัสต่อ

"รูนซึ่งก็คือพระเจ้าของพวกเขาได้ทำให้เรื่องราวของสงครามดำเนินไปเพื่อตอบสนองความต้องการของพระเจ้าเอง หลังสงครามที่ต่อเนื่องยาวนานในอาณาจักรอาโรเนียสิ้นสุดลง พระเจ้าต้องการประทานพรแก่ผู้ชนะหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่เพื่อหวังจะใช้เขาเป็นกลไกนำพาโลกไปสู่สงครามยุคต่อไป..."


เครอัสหลบเข้าไปในมิติที่ 5 เพื่อหนีจากการโจมตีสุดท้ายของอุซโซ


เพล้ง!!


อุซโซทำลายกำแพงมิติออกแล้วตามเครอัสไปอย่างไม่ลดละ แล้วเขาก็ทำลายความเป็นนิรันดร์ (Eternity) ของเครอัสทิ้งด้วยพลังของเนตรแห่งมิคสัญญี


เพล้ง!!


"เฮ้ย!!! OAO"


ตอนนี้เครอัสสูญเสียความเป็นอมตะไปแล้ว มันหลบเข้าไปในมิติที่ 6-7-8-9 แต่อุซโซก็ทลายกำแพงมิติตามเข้าไปได้ทุกแห่ง


"ไม่มีอะไรในโลกนี้หรือโลกไหนๆที่ข้าทำลายไม่ได้"


"สำหรับพรหนึ่งเดียวนั้น ชายผู้นั้นตอบกับพระเจ้าว่า เขาอยากได้พลังที่ใช้สังหารพระเจ้าได้"

"หากพระเจ้าไม่สามารถให้พรประการนี้แก่ชายผู้นั้นได้ ย่อมหมายความว่าสัจจะและอำนาจของพระเจ้ามีที่สิ้นสุด"'

"หากพระเจ้าประทานพรดังกล่าวได้ นั่นหมายถึงความเป็นนิรันดร์ของพระเจ้าย่อมจบสิ้นลง"

นี่คือ omnipotence paradox ...ตัวตนที่ไร้จุดสิ้นสุดไม่สามารถมีได้ในขอบเขตรับรู้ทั้งหมดทั้งมวลของจักรวาลนี้ เมื่อมีการอ้างถึงพลังที่ไร้ประมาณเมื่อใด เมื่อนั้นคำกล่าวนั้นย่อมเป็นเรื่องโกหก!

"เพราะงั้นแกไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากความไม่จริง เครอัส! แกจะต้องหลับใหลในจุดดับของห้วงมิตินับล้านไปตลอดกาล!!!"


เครอัสหลบเข้าไปในมิติที่ศูนย์ที่หลุดจากมิติทั้งหมดเพื่อหนีการโจมตีของอุซโซอย่างสุดความสามารถ


"เฮ่อ เข้ามาถึงนี่คงรอดแล้วน้ออออ~" onion032.gif <<พอความแตกแล้วไม่เหลือฟอร์มเลยนะเอ็ง


แต่ก็มีคนคอยเครอัสอยู่ที่นี่อยู่แล้วหนึ่งคน.........

"ยินดีต้อนรับสู่มิติที่ศูนย์นะ ฉันตามหาแกมานานตั้งแต่โลกแห่งนิทานล่มสลายไป คราวนี้ทุกอย่างจะได้จบลงจริงๆซะที"

โมกุริลงมือสังหารเครอัสทันที

"อ้าก!!! นี่มันบ้าที่สุด!!"

"แกเป็นบั๊กชั่วที่เกิดจาก engine ของระบบ - โลกซุยโคยูนิเวิร์ส, โลกนิทาน และอีกหลายๆโลกที่ใช้ engine ตัวเดียวกันก็เลยเจอปัญหาเดียวกัน แกจะแฝงตัวเข้าควบคุมระบบแล้วทำลายทุกอย่างที่โลกนั้นสร้างมาด้วย phantasm ที่เล่นตลกกับจิตใจของมนุษย์ เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือความเป็นจริง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแกถูกเขียนเข้ามาในความทรงจำของผู้เล่นให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจริงดูเหมือนถูกสร้างขึ้นแล้วคิดว่าแกมีตัวตนจริง จริงๆแล้วโลกแห่งนี้มีจุดจบแห่งห้วงมิติแค่สามอย่าง โลกนี้ไม่มี old book #1 พิงกี้พลอยไม่มีอาจารย์ที่ชื่อเครอัส โลกนี้ไม่มีนักพยากรณ์ที่ชื่อเครอัส!"





ปกติเครอัสจะเริ่มทำงานในสภาวะที่ระบบมีการทำงานอย่างรุนแรง วาก้าบอนด์จึงทำลายจุดจบแห่งห้วงมิติทั้งสามอย่างเพื่อล่อให้เครอัสปรากฏตัวออกมาและกำจัดมันได้สำเร็จด้วยพลังของคนที่อยู่ในมิตินี้ ถึงจะช่วยโลกแห่งนิทานไม่ได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ช่วยโลกนี้และโลกอื่นๆที่ยังเหลืออยู่จากเครอัสได้


แล้วมิติที่ศูนย์ก็ระเบิดออก พาโมกุริกลับมายังโลกเดิม


เครอัสค่อยๆแตกสลายไปพร้อมทิ้งคำพูดไว้

"ฮ่าๆๆ เสร็จพวกมันจนได้ แต่เอาเถอะ... เรื่องราวที่หมุนกระแสกาลเวลาให้ดำเนินต่อไปยังคงอยู่ เมื่อใดที่มนุษย์สูญเสียเจตจำนงเสรีไป ข้าจะกลับมาอีกครั้ง....."

"หากแกหรือหายนะต่างๆที่แกบันดาลให้เกิดขึ้นกลับมาอีกครั้ง หลอด ริโอวและดาราทั้ง108ก็จะช่วยอนาคตของพวกเราไว้ได้"

คำที่โมกุริตอบกับเครอัสแสดงให้เห็นว่าอนาคตที่โมกุริมองเห็นนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปบางส่วนแล้ว

ถึงโลกแห่งนิทานที่สวยงามนั้นจะไม่กลับมาแล้วก็ยังมีทางสร้างโลกใหม่ที่สวยงามทัดเทียมกันหรือสวยงามยิ่งกว่าขึ้นมาได้

ถึงการต่อสู้จะไม่จบสิ้นไปอย่างถาวรแต่ชะตากรรมก็จะนำพาให้พวกเขามารวมตัวกันต่อสู้อีก

เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วอนาคตที่เคยมืดมนทุกหนทางก็เริ่มมีแสงสว่างขึ้นมารำไร

"ความหวัง"เริ่มก่อเกิดขึ้นในใจของโมกุริเป็นรูปเป็นร่าง





"ในที่สุดก็มองเห็นจนได้!"

"!!!"

อุซโซใช้เนตรแห่งมิคสัญญีทำลายความหวังของโมกุริทิ้งทันที ทำให้โมกุริแตกสลายออกจากระบบไปในที่สุด

"ทำไม........."

"เธอร้ายกาจเกินไป เป็นความร้ายกาจเหนือความร้ายกาจแบบที่ไม่ควรเกิดขึ้นมาไม่ว่าจะบนโลกไหนหรือยุคไหน พลังที่มากเกินไปจนถึงขนาดที่จะขับเคลื่อนประวัติศาสตร์ของห้วงมิติได้น่ะ อย่าให้มันเหลืออยู่ในโลกนี้ซะเลยดีกว่า...."

"......................"

โมกุริเหมือนจะเข้าใจเรื่องที่อุซโซต้องการจะบอก แล้วก็ยอมแตกสลายไปไม่เหลือร่องรอย

"เรามาเล่นเกมกันให้สนุกดีกว่านะ"

"นั่นสิ โลกหน้าขอเกิดเป็นม็อกแล้วกัน"


..................




"โซซัง!!"



อุซโซเดินตามเสียงของซึคาสะกลับมายังโลกซุยโคยูนิเวิร์สได้ในที่สุด

"โซซังเกิดอะไรขึ้นกัน?! เครอัสม่องไปแล้วใช่ไหม? แล้วโมกุริล่ะ?!"

"ถูกกำจัดไปแล้วทั้งคู่.... โมกุริทำลายเครอัสได้สำเร็จ แล้วฉันก็ฉวยโอกาสนั้นกำจัดโมกุริ"

-________-

ทุกคนทำหน้าแบบบายนชุดใหญ่ ก่อนที่ซุยโคแอสไลฟ์จะถามขึ้น

"ก็พอจะเข้าใจนะว่าสุดท้ายหัวหน้าวาก้าบอนด์ก็สมควรถูกกำจัดอยู่ดี ว่าแต่ตกลงแกเอาชนะพลังของ close the world ได้ไงน่ะ?"


แล้วอุซโซก็เฉลยความจริงของการเอาชนะที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์


"ตอนที่พวกเราสู้กับโมกุริอยู่นั้นไม่มีการโจมตีไหนเข้าถึงโมกุริได้เลยใช่มะ? ตอนนั้นฉันพยายามนึกว่าพลังของเนตรแห่งมิคสัญญีน่าจะทำลายอะไรบางอย่างที่ทำให้ตัวตนของโมกุริสลายไปได้ แล้วฉันก็นึกย้อนไปถึงตอนที่เรนนี่ถามว่าเมื่อไหร่ที่เราจะสูญเสียความเป็นมนุษย์ไป โมกุริไม่มีทั้งร่างกาย หัวใจ หรือกระทั่งความเป็นตัวตน สิ่งที่ทำให้โมกุริปรากฏอยู่บนโลกนี้มันอยู่ลึกกว่าของเหล่านั้น ตราบใดที่ยังนึกไม่ออกก็ไม่สามารถมองเห็นได้..."

"อยู่ลึกกว่าความมีตัวตนเหรอ?"

"อย่าบอกนะว่า...." อายะเหมือนจะนึกอะไรออก

"ฮื่อ แล้วฉันก็นึกถึงคำพูดของคุณอายะขึ้นมา ประโยคที่คุณพูดกับทุกคนหลังแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างผ่านยุคสิ้นโลกมาสี่ครั้งน่ะ"

ฉันเคยคิดจะปล่อยให้ตัวเองดับสูญไปกับโลกเก่าที่แตกสลายนั่น แต่เธอเป็นคนที่มอบสิ่งที่เรียกว่าความหวังให้กับฉัน 
รวมทั้งทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ รวมทั้งทุกๆคนที่ต่อสู้เพื่อโลกนี้จนต้องตายไป
แล้วฉันก็มีชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวังอันนั้น.....

"ความหวัง ไงล่ะ พวกเรามีชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง ตอนที่โมกุริเอาชนะเครอัสได้เธอก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาชัดเจนจนฉันมองเห็น แล้วก็เป็นโอกาสเดียวให้ฉันทำลายเธอได้"

-________________________- (บายนที่ใหญ่ทำลายสถิติกินเนสบุ๊ค)


.....

"อุซโซ.... อุซโซ..... ที่พูดนั่นเราตั้งใจจะบอกให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวัง ไม่ใช่ฆ่าคนด้วยการทำลายความหวังนะ T-T"

"ขอโทษด้วยนะ close the world ไม่สมควรมีอยู่ในโลกแห่งนี้อีกต่อไปแล้วหละ ..........รวมทั้งเนตรแห่งมิคสัญญีนี่ด้วย....."

ซึคาสะรู้ว่าอุซโซเริ่มพูดอะไรแปลกๆเลยถามขึ้นมา "ตอนที่โซซังตามโมกุริเข้าไปในมิติที่ศูนย์หนแรกนั่น อยู่ๆจิตสังหารของโมะซังก็หายไป เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"

อุซโซนึกถึงตอนที่โมกุริกระโดดเข้ามาดูมโนของเขาแล้วเห็นภาพโลกแห่งอนาคตที่สวยงามนั่น แล้วเขาก็เฉลยอีกท่อนหนึ่งของการเอาชนะที่เลวร้ายที่สุดประวัติศาสตร์...

หลังฟังอุซโซเล่าว่าโมกุริเห็นโลกแบบไหนอย่างละเอียดซึคาสะก็นึกอะไรออก

"ทุ่งอากาเซียสีเหลืองทอง สายลมเย็นกับหนองน้ำนั่น .....นั่นมันภาพเอาท์แลนด์ในความทรงจำไม่ใช่เหรอโซซัง =___="""

ภาพที่อุซโซทำให้โมกุริมองเห็นนั้นไม่ใช่ภาพอนาคตที่เขาเห็นผ่านเนตรสวรรค์ แต่เป็นภาพเอาท์แลนด์ในอดีตก่อนมีสงครามทุ่งร้างขึ้น โลกที่สวยงามที่พวกซึคาสะ, บิ๊ก และซุยโคแอสไลฟ์เคยอยู่อาศัย

"ตอนที่เข้ามาในเกมใหม่ๆหลังฟังเธอเล่าเรื่องของโลกนี้ในอดีตที่มันสวยงามขนาดนั้นฉันก็สนใจว่าโลกแบบไหนกันนะที่ทำให้ผู้คนต่อสู้เพื่อปกป้องมันอย่างสุดความสามารถแม้ว่าจะสูญเสียกันไปมากมายขนาดไหน ฉันนึกภาพตามคำบอกเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก จนภาพมันชัดเจนขึ้นมาราวกับมองเห็นได้จริง โมกุริไม่คิดว่าภาพนั้นเป็นความทรงจำของฉันเพราะฉันเพิ่งเข้ามาที่นี่ ไม่เคยเห็นเอาท์แลนด์ในอดีต ไม่เคยเห็นโลกแห่งนิทาน ยัยนั่นเลยเชื่อสนิทใจว่าภาพในมโนตอนนั้นเป็นภาพในอนาคตจริงๆ...."

(ไปๆมาๆหมอนี่มันโกหกได้เลวร้ายยิ่งกว่าเครอัสซะอีกนะเนี่ย)

"แล้ว... อนาคตที่เนตรสวรรค์มองเห็นจริงๆน่ะ มันเป็นยังไงเหรอ?"


อุซโซไม่ตอบ เขาหัวเราะหึๆแล้วก็วิ่งหนีไป~



"แต่ตอนนี้จุดจบแห่งห้วงมิติก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว ทำไมมิตินี้ยังไม่แตกสลายไปอีกล่ะ?"

พอบิ๊กถามทุกคนก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้

"เครอัสน่ะไม่นับอยู่แล้ว แต่เอาจริงๆแบบนั้นโลกนี้ก็ควรจะหายไปตั้งแต่ตอนที่พระเจ้าสีดำถูกทำลายแล้วสิ?"

"..................."

".........อ๋อ! อย่างนี้เอง!!" อายะนึกอะไรออก "จุดจบแห่งห้วงมิติมีสามอย่างใช่มั้ย? 1. เกรทไชรน์ 2. ผู้เล่นสายเลือดใหม่ 3. พระเจ้าสีดำ ...พวกวาก้าบอนด์คิดว่าทำลายทั้งสามอย่างไปแล้ว แต่จริงๆพวกนั้นทำพลาดอยู่อย่างนึง..."

"อะไรเหรออายะ?"

"นึกถึงนิยามของผู้เล่นสายเลือดใหม่สิ - กลุ่มผู้ที่จะฟื้นฟูโลกนี้ขึ้นมาและออกนำโลกในยุคหน้าต่อไป ...พวกวาก้าบอนด์กำจัดอีนิกม่า กลุ่มผู้เล่นที่เข้มแข็งที่สุดเท่าที่เหลืออยู่หลังการกวาดล้างของจักรวรรดิจนเกลี้ยงเพราะคิดว่าพวกนั้นคือผู้เล่นสายเลือดใหม่ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ จุดจบแห่งห้วงมิติลำดับที่สองน่ะ จริงๆแล้วก็คือพวกเรานี่เองแหละ!"

"อืมๆ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง"

หลังเฉลยอะไรช็อคๆกันมาเยอะแล้วหนนี้อิมแพ็คเลยไม่น่าสนใจเท่าไหร่ อายะจึงงอน วิ่งขึ้นเขาไปฝึกวิชาศัพท์เปรตอีกครั้ง แต่พอพบว่าไม่มีใครสนใจก็แอบเนียนกลับเข้ามาในกลุ่ม



ตอนนี้การต่อสู้ทั้งหมดจบสิ้นลงไปแล้ว ระหว่างที่พวกซึคาสะไม่รู้จะเอาไงกับชีวิตต่อ เรนนี่ก็มุดผ่านช่องว่างมิติออกมาพร้อมอาร์คโซลและรีเซ่

"มาช่วยแล้วครับทุกท่าน! ไหนวาก้าบอนด์?! เตรียมล้างคอรับการลงทัณฑ์จากท่านอาร์คโซลผู้นี้ซะ!"

"ท่านเป็นตำรวจในหนังไทยหรืออย่างไร เหตุใดท่านจึงมาตอนเขาสู้กันจบไปแล้ว?" พอพูดจบซึคาสะก็โดนเรนนี่ตบสลบไป


"รอดกลับมากันด้วยเรอะเนี่ย...." ซุยโคแอสไลฟ์อุตส่าห์คาดว่าจะแอบเจี๋ยนอาร์คโซลที่งอมพะรามมาหลังสู้กับวาก้าบอนด์ แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่

"แล้วคิดว่าข้าไม่รู้เรอะว่าแกหลอกใช้น่ะ" อาร์คโซลหัวเราะ แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น "แต่ช่างเถอะ เรเนอเกดล่มสลายไปแล้ว ข้อตกลงที่แกจะยกหัวให้พวกเรานั่นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่ขอให้จำไว้ให้ดี... เพื่อนน่ะ ไม่ได้หมายถึงแค่คนที่มีศัตรูร่วมกันนะ ถ้าต้องการเพื่อนแค่เพื่อเอาไว้กำจัดคนอื่นละก็แกไม่มีวันออกนำดาราได้หรอก"

เรนนี่สนับสนุนที่อาร์คโซลพูด "ถูกต้องค่ามุ >w< ตราบเท่าที่เรายังมีเป้าหมายร่วมกัน เราก็จะช่วยกันต่อสู้ แต่เมื่อก้าวไปคนละทางเมื่อไหร่พวกเราก็อาจจะต้องเป็นศัตรูกันก็ได้นะ มิ้วๆ~"

"ไม่ต้องมามิ้วๆแล้วย่ะ เราเลิกมิ้วไปตั้งชาตินึงแล้ว =w="

"เออจริงด้วย หายเมื่อไหร่น่ะซือจัง?" แม้แต่เมดิที่อยู่ด้วยกันตลอดก็เพิ่งสังเกต

"มุมุมิ้วๆๆๆมุมู่ TTwTT"


แล้วเครดิตจบเกมก็เลื่อนขึ้นมา พร้อม SoD โจ๋โบ๋แหว่งไป 80% เพราะจบเกมเร็วมากไม่รู้จักไปตามหาเพื่อนกัน ไปรอเก็บเพื่อนให้ครบกันในโลกหน้านะจ๊ะ

"จบแล้วเรอะ?"

"จบแล้ว เราเคลียร์ภารกิจปกป้องซุยโคยูนิเวิร์สจากการรุกรานของผู้มาเยือนแห่งห้วงมิตินับล้านได้ เป็นภารกิจที่หนักพอผ่านข้อตกลงของ wire world ที่จะทำให้เคลียร์โลกได้"

"หนหน้าข้าจะต้องเคลียร์ให้ได้ 100% จบห่วยๆแบบนี้ perfectionist เช่นข้าไม่ต้องการ!" พอซุยโคแอสไลฟ์พูดจบก็เอาเซฟซุย5ที่จบแบบเพื่อนไม่ครบไปซ่อน

"ยินดีด้วยนะฮะอายะซัง หนนี้จบแบบแฮปปี้แล้วนะ ^^ ไม่ต้องโดดเดี่ยวทนดูโลกถูกทำลายอีกเป็นหนที่สี่แล้ว" บิ๊กแสดงความยินดี กะพาอายะไปเลี้ยงโออิชิแกรนด์ แม้จะมีฐานเงินเดือนสตาร์ท 17,000 แต่ใช้งานเยี่ยงทาสตามมาตรฐานซีเมนท์ไทย (นินทาบริษัทกันชัดๆ)

"แล้วก็เลิกแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้คนเดียวได้แล้ว การมีชีวิตมันสนุกมากนะ"

"ไม่ได้ยินคำพูดนี้มานานมากแล้วนะนี่"

"?"

อายะเล่าเรื่องสมัยที่เธอร่วมกับเพื่อนสร้างโลกซุยโคยูนิเวิร์สยุคแรกขึ้นมา

"คิดถึงวันเก่าๆจริงๆ ตอนนั้นพวกเราพยายามสร้างโลกให้มันเป็นที่ๆทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข แต่หายนะก็มาทำให้โลกที่สร้างขึ้นมาดับสลายลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อนที่ร่วมทางกันมาก็ค่อยๆหายสาบสูญไปทีละคนๆ คนที่เหลืออยู่ช่วยกันย้ำไม่ให้ฉันทิ้งความหวังมาตลอด ฉันคิดว่าไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหนอย่างน้อยก็มีเพื่อนอยู่ข้างๆคอยช่วยเหลือ ....จนถึงยุคสิ้นโลกครั้งที่ 3 ตอนนั้นฉันเหลืออยู่แค่ตัวคนเดียว เพื่อนๆที่เคยค้ำจุนมาตลอดก็ไม่อยู่แล้ว คำพูดของซุยโคแอสไลฟ์ที่เอาท์แลนด์ทำให้ฉันตัดสินใจว่าจะต้องเข้มแข็งขึ้น แต่หายนะจากเครอัสที่ผ่านมาทำให้ฉันปิดกั้นใจตัวเอง ไม่เชื่อใจชะตากรรมเพื่อจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของลูปกาลเวลาซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่เชื่อใจคนอื่นที่ชะตากรรมชักพาให้เข้ามาในชีวิตเพราะนั่นก็เป็นแค่สิ่งที่เครอัสใส่เข้ามาในเรื่อง สิ่งที่เชื่อมั่นก็มีแต่ตัวเองเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็เลวร้ายไม่ผิดกัน ตอนนั้นโลกถูกพวกจักรวรรดิมิตินับพันทำลายจนย่อยยับแล้วลูเน่กับแรทเซลก็เตือนว่าสิ่งที่ฉันทำอยู่มันผิด ฉันเปิดใจเชื่อในแผนการสุดท้ายของแรทเซลแล้วซึคาสะก็ช่วยฉันกลับมาจากคุกของจักรวรรดิได้ จากนั้นพวกเราก็ต่อสู้ด้วยกันมาตลอด ฉันยอมรับว่าอ่อนแอลงกว่าสมัยสงครามฝนเลือด แต่เพราะอ่อนแอเพื่อนๆถึงยื่นมือเข้ามาช่วยหลือมากมายเหมือนเมื่อก่อน ถ้าเข้มแข็งฉันก็คงไม่ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นที่ทุกคนมีให้ตลอดมา เพราะงั้นขอฉันเป็นของฉันแบบนี้เถอะนะ.... ตอนนี้ภาพลวงตาของเครอัสทั้งหลาย ความทรงจำที่เจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวล รวมทั้งความสิ้นหวังที่เคยมีมานานแสนนานมันดับสูญไปหมดแล้ว ฉันมาถึงปลายทางที่ฉันมองหามานานแสนนานแล้วหละ ขอบคุณทุกคนมากนะ ฝากยุคต่อไปช่วยกันทำให้โลกซุยโคยูนิเวิร์สสวยงามและยิ่งใหญ่ยิ่งๆขึ้นไปด้วยล่ะ"




Proto Stars of Destiny:


0SuikoAsLife.gif
Tengou Star|SuikoAsLife

เขาเป่ายิ้งฉุบชนะ ได้เป็นแอดมินคนต่อไป (สาด กุทุ่มเทมากกว่าชาวบ้านต่างหาก)


0Ratsel.jpg
Tenki Star|Ratsel

หายสาบสูญไปหลังสงคราม ในเวลาเดียวกับที่ล็อกอินเร้ดเมจิกเชี่ยนโผล่แว่บขึ้นมาแทน


0usso.jpg
Tenyu Star|usso

หายสาบสูญ เพื่อนๆคาดว่าต้องล็อกเอาท์ไปเกณฑ์ทหาร //จะบ้าเรอะ!! คาดว่าใช้ความสามารถที่ทำลายได้ทุกสิ่ง ทำลายความสามารถตัวเองทิ้ง แล้วกลายเป็นผู้เล่นธรรมดาๆ

0Shiryu.jpg
Tenko Star|Shiryu

เดินทางกลับไปยังจักรวรรดิก่อนกลับมายังซุยโคยูนิเวิร์สอีกครั้ง ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นแต่พวกจักรวรรดิได้ลงนามสัญญาไม่รุกล้ำซุยโคยูนิเวิร์สเป็นเวลา 200 ปี

0arksouls.jpg
Tenan Star|arksouls

หลังเรเนอเกดล่มสลายก็เข้าร่วมกับซุยโคแอสไลฟ์พัฒนาซุยโคยูนิเวิร์สในยุคที่ 5 ขึ้น


0Big.jpg
Tenku Star|Big

ลืมความบาดหมางที่ทุ่งร้างเอาท์แลนด์หันมาญาติดีกับซุยโคแอสไลฟ์ ทุ่มเงินแสนซื้อการ์ดสายฟ้าไล่ยิงชาวบ้านในบ้านอะคาเดมี่


0Medius.jpg
Tentai Star|Medius

แทนที่จะเปิดสำนักตีดาบแบบที่ซึคาสะแนะนำ เขากลับเปิดรร.มัธยมหมีพูห์ รับเฉพาะเด็กสาวอายุต่ำกว่า 13 ปี ...ปัจจุบันมีลูกศิษย์หนึ่งคน โมเอะผ่านมาตรฐานของเมดิอุส (ตกลงแกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่เนี่ย?)

0Raise.jpg
Tenbi Star|Sigurd

Tenkoku Star|Raise


รู้ความลับจากคำบอกเล่าของพี่สาวว่ารางวัลของผู้เคลียร์เกมคือพลังที่จะใช้สร้างโลกใหม่ และนั่นคือ true treasure ที่ตระกูลไฮวินด์ตามหามานานเพื่อใช้มันสร้างโลกเทอร่าขึ้นมาใหม่ แต่ภายหลังเขากลับชอบโลกแห่งนี้มากกว่าและเก็บบ้านเกิดไว้เป็นแค่ความทรงจำ

0Aya.jpg
Tenjyu Star|Aya

ทิ้งพลังและความทรงจำไว้ที่เกรทไชรน์ก่อนออกจากเกมไป


0RURI.jpg
Tenbou Star|RURI

แก่แล้วก็เลิกเล่นเกมไปทำงานทำการซะ


0alcalshel.jpg
Chisatsu Star|alcalshel

ไฟจากเนตรเลเซอร์ของอุซโซยังคงลุกพรึ่บๆอยู่บนพุง


0Blackrain.jpg
Chiyu Star|Blackrain

โดนเอเดนอัดทะลุออกไปอีกซีกโลกหนึ่ง ...เดี๋ยวโลกหน้าก็โผล่มาอีกแหละ


0Chowun.jpg
Chibun Star|Chowun

แบนอยู่ใต้เกรทไชรน์


0Lunae.jpg
Chisei Star|Lunae

ได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโลกนี้ว่า GM ลูเน่ต่อสู้จนจบชีวิตลงกลางสมรภูมิของเอ้าท์แลนด์ ตามคำสั่งเสียสุดท้ายของเธอ


0Black_Phoenix.jpg
Chitou Star|Black Phoenix

โดนราทาทอสก์เอาดาบลูบเบาๆ... ตาย ^^


0Dias.jpg
Chiziku Star|Dias

โดนไซเลนท์กับเยอร์โน่รุมอย่างไร้จรรญาบรรณ... ตาย ^^


0Krateydang.jpg
Chikai Star|Krataydang

เดินไปเดินมาทั้งที่มีดาบปักอยู่กะหัว เขาบอกว่าใครเป็นเจ้าของดาบนี้เขาจะแต่งงานด้วย


0Silent.jpg
Chikou Star|Silent

ถูกฝังอยู่กลางเอาท์แลนด์ที่กลายเป็นทุ่งรกร้าง


0jean_lover.jpg
Chisin Star|jean lover

ตาย ^^


0Pomy.jpg
Chitai Star|Pomy

ตาย ^^


0Luc.jpg
Chisyu Star|Luc

ตาย ^^


0tsukasa.jpg
Chiin Star|tsukasa

ตาย ^^ ....ไม่ตายนะลุง มุๆ =w=+ สละสิทธิ์ GM ออกเดินทางท่องโลกกว้างกับองค์ชายแห่งฟาเลน่า เรือล่มลอยทะเลไปถึงดูนานและถูกพ่อครัวชื่อคริสตกขึ้นมาได้

0Crusaderer.jpg
Chiri Star|Crusaderer

ยื่นเรื่องประท้วงที่ฉากสู้ของตนเองกับอัลคาเชลสั้นเกินไป แต่ไม่ผ่านสภาสูง สภาให้เหตุผลว่าจำนวนโพสต์ไม่พอ


0mokuri.jpg
Chisoku Star|Mokuri

มีคำเล่ากันว่าม็อกตัวหนึ่งออกเดินทางไปยังประเทศหมู่เกาะเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของโลกแห่งนิทาน แต่ไม่รู้ทำไมมาปักหลักเปิดร้านที่ปราสาทบราสได้

0Blitz.jpg
Chima Star|Blitz

ม่องคามือแบล็คเรน


0Yerno.jpg
Chifuku Star|Yerno Silverberg

ภูมิใจที่ความหล่อของเขามากเกินพอที่จะให้ชีริวเอาไปยิงพระเจ้าสีดำตายได้


0mikoto.jpg
Chikei Star|Mikoto

ผงของมิโคโตะกระจายทั่วไปในอวกาศอันไกลโพ้น พยายามกระดึ๊บๆกลับมาที่โลกแต่ถูกหมีน้ำกินเข้าไปเสียก่อน


0Rainny.jpg
Chiretsu Star|Rainny

เนื่องจากเป็นคนทำสคริปต์ห้องอาบน้ำภาคห้าลงบอร์ด จึงกลายเป็นคนทำห้องน้ำที่ฟาเลน่าไป หากวาดรูปสวยจะกลายเป็นดาวศิลปิน หากทำกับข้าวเก่งจะถูกยัดดาวแม่ครัว หากทำนสพ.ก็จะกลายเป็นดาวคนทำหนังสือพิมพ์ ดังนั้นไม่ทำอะไรเลยดีที่สุด เย้

0Pinky_Ploy.jpg
Chiken Star|Pinky Ploy

แม้แต่ฉากที่โดนโมกุริไล่เจี๋ยนก็ลืมเขียนถึง ช่างน่าแค้นใจยิ่งนัก


0doria.jpg
Chimou Star|Andrias Doria

ซือจัง T-T


Personal tools